ARROW ปั้มรายได้ปีนี้โตทะลุ 15% ลุยขยายกำลังผลิตเต็มสูบ!
ARROW ลุยปั้มรายได้ปีนี้โตกว่า 15% รับอานิสงส์โครงการรัฐอื้อซ่า พร้อมเดินหน้าขยายกำลังผลิตต่อเนื่อง ฟาก โบรกฯ ฟันเป้าทะลุ 22 บาท
ARROW ลุยปั้มรายได้ปีนี้โตกว่า 15% รับอานิสงส์โครงการรัฐอื้อซ่า เดินหน้าตั้งโรงงานเพิ่ม รองรับการขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง ฟาก โบรกฯ ฟันเป้าทะลุ 22 บาท
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% หรือประมาณ 1.5-1.6 พันล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจหลักประมาณ 1.2 พันล้านบาท อีกทั้งวางแผนปรับธุรกิจรับเหมาเพิ่มเติม หลังมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ระดับ 18-22% โดยปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดถึง 60% ในปีนี้จึงไม่เน้นเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเหมือนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่จะเน้นรับงานที่สามารถสร้างกำไรให้กับบริษัทได้แทน
ขณะที่บริษัทได้รับอานิสงส์จากการลงทุนจากภาครัฐที่จะมีอย่างต่อเนื่อง และความต้องการใช้ท่อ RTRC ยังมีอยู่สูงในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ ทั้งในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีเหลือง งานนำสายไฟลงดินที่จะเร่งรัดเหลือ 5 ปี รวมถึงสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกจากนโยบายนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเพิ่มวงเงินโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินเป็นประมาณ 9 พันล้านบาท โดยเพิ่มจำนวนท่อจาก 24 ท่อเป็น 30 ท่อ
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาต่อรองขอเพิ่มราคาขึ้นตามสภาวะเหล็กซึ่งมีการปรับราคาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ประมาณไตรมาส 2/59 เป็นต้นมา ทั้งนี้บริษัทได้ปรับราคาสินค้าขึ้นมาประมาณ 15% หลังราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยต้นทุนเหล็กมีสัดส่วนอยู่ 60-70% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด
ทั้งนี้ในปัจจุบันโรงงานผลิตท่อร้อยสายไฟใต้ดินชนิดท่อ RTRC (Reinforced Thermosetting Resin Conduit) และท่อเหล็กกันน้ำแห่งที่ 2 ดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้แล้ว โดยจะช่วยเสริมกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 20-25% เนื่องจากเครื่องจักรมีประสิทธิภาพสูงจึงทำให้การผลิตทำความเร็วได้กว่า 30% และรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้เต็มที่ ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนเพื่อซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีกราว 20-30 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนตั้งโรงงานในต่างประเทศ แต่ยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทมีความพร้อมเกี่ยวกับเงินทุน เนื่องจากปัจจุบันมีกำไรสะสมกว่า 500 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) 0.17 เท่า
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์โดย แนะนำซื้อ ARROW ให้ราคาเป้าหมาย 22.30 บาท/หุ้น ถึงแม้ว่าระยะสั้นราคาหุ้นอาจถูกกดดันจากงบไตรมาส 4/59 ที่ไม่สวยอย่างที่คาด แต่เพราะเหตุผลส่วนหนึ่งเป็นการเลื่อนรับรู้กำไรไปไตรมาส 1/60 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้รับเหมาเร่งสั่งซื้อท่อร้อยสายไฟ เพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับขึ้นราคาขายของ ARROW (ตามราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง)
อีกทั้งบริษัท เม-ฆา เอส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยยังมีงานรอรับรู้รายได้ทั้งปีนี้อีกกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ต้นปีต่างจากปี 59 ที่เริ่มรับรู้ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 59 ทำให้คาดว่าจะได้เห็นกำไรกลับมาเติบโตโดดเด่นทั้งจากเทียบกับไตรมาสก่อนและเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนถถตั้งแต่ไตรมาส 1/60
นอกจากนี้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ที่ 313 ล้านบาท จากการส่งมอบท่อร้อยสายไฟให้โครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าและสุวรรณภูมิเฟส 2 ส่วน Upside ในอนาคตจะเปิดกว้างมากกว่าที่คาดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการรุกตลาดท่อร้อยสายไฟใต้ดินที่คาดว่า กฟน. จะเปิดประมูลอีกครั้งในไตรมาส 2/60 ขณะที่ความเสี่ยงเกิดจากความผันผวนของราคาเหล็กและค่าเงินบาท การชะลอตัวของงานก่อสร้าง และมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเหล็กจากจีนที่อาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
ส่วนนักวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์โดย แนะนำซื้อ ARROW ให้ราคาเป้าหมาย 19.60 บาท/หุ้น โดยมีมุมมองที่สดใสต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมท่อร้อยสายไฟที่จะได้ประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐในโครงการต่างๆ เช่น รถไฟฟ้า, สุวรรณภูมิเฟส 2, มอเตอร์เวย์ รวมถึงโครงการย้ายสายไฟลงดินของกฟน. ซึ่งในเฟส 1 (ระยะทาง 127 กม., งบประมาณ 4.87 หมื่นล้านบาท) ถูกทางภาครัฐเร่งให้ลดระยะดำเนินโครงการจากเดิม 10 ปี (ปี 59-68) เหลือ 5 ปี (ปี 59-63)
ขณะที่หากอิงตามโรดแม็ประยะยาวยังต้องนำสายไฟลงดินอีกกว่า 1 พัน กม.เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน และด้วยจุดเด่นของบริษัทจากการเป็นผู้นำตลาดท่อร้อยสายไฟ (Market Share ราว 60%) อีกทั้งเป็นเพียง 1 ใน 3 ผู้ผลิตท่อร้อยสายไฟใต้ดินชนิด RTRC ในไทย และเป็นรายแรกที่ได้มาตรฐาน มอก.ตามที่กฟน.กำหนดไว้ จึงคาดหนุนให้ปี 60-61 บริษัทจะมีกำไรโตเฉลี่ยปีละ 15% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
โดยล่าสุด ARROW ประกาศแจก ESOP-W2 ให้พนักงาน 8 ล้านหุ้น ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 15.53 บาท ซึ่งจะทำให้เกิด Control Dilution 3.07% และ Price Dilution 0.22% ทั้งนี้ ESOP จะมีอายุ 3 ปี โดยใช้สิทธิในปี 61-63 ได้ไม่เกินร้อยละ 30/60/100 ตามลำดับ ซึ่งภายใต้สมมติฐานการใช้สิทธิเต็มจำนวนจะทำให้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 60 อยู่ที่ 19.60 บาท (จากเดิม 19.90 บาท อิง PER 15.3x เช่นเดิม) และยังมี Upside เมื่อบวกกับการจ่ายปันผลจากกำไรช่วงครึ่งปีหลังปี 59 อีกหุ้นละ 0.40 บาท คิดเป็น Div. Yield 2.4%