MTLS ฟันธงสินเชื่อปีนี้กระฉูด! ดันผลประกอบการโต 40%

MTLS ฟันธงสินเชื่อปีนี้โตกระฉูด! รับขยายสาขาเพิ่ม ดันผลประกอบการโต 40% – เตรียมโรดโชว์นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ฟากโบรกฯ ประสานเสียง เชียร์ “ซื้อ” เป้าสูง-อัพไซต์เพียบ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS หลังจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้  (15 มี.ค.) โดยปิดที่ 30.50 บาท ปรับตัวขึ้น 0.75 บาท หรือ 2.52% ด้านมูลค่าซื้อขาย 671.34 ล้านบาท โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 29.75 บาท ณ วันที่ 14 มี.ค.60 นอกจากนี้ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 42 บาท อยู่ 27.38

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงนั้น คาดว่ามาจากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง ขณะที่บริษัทบริหารค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ล่าสุดบริษัทตั้งเป้าขยายสาขาใหม่สู่ระดับ 2,200 สาขา ภายในปีนี้ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่เพิ่มเติม รวมไปถึงพอร์ตสินเชื่อยังมีแนวโน้มเติบอย่างโดดเด่นเด่น ขณะที่คุณภาพของสินเชื่อยังอยู่เกณฑ์ดี จากนโยบาย NPL ที่รัดกุมและความสามารถในการเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพ

 

โดย นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร MTLS เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 60 บริษัทตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 5 หมื่นล้านบาท เติบโต 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สำหรับสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นนี้ ได้จากช่องทางการขยายสาขาอีก 600 สาขา เป็น 2,200 สาขา จากสิ้นธันวาคม 2559 มีสาขา 1,600 สาขา โดยสาขาใหม่ที่เตรียมเปิดในปีนี้เน้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ เนื่องจากบริษัทมองว่าตลาดยังสามารถเติบได้อีกมาก ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้และกำไร ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และบริษัทตั้งเป้าคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไว้ที่ระดับ 1.50%

ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมเดินทางไปให้ข้อมูลพื้นฐานธุรกิจแก่นักลงทุนสถาบัน และบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำกว่า 25  กองทุน ที่ประเทศฮ่องกง ในระหว่างวันที่ 16-17 มีนาคม 2560 ร่วมกับ บล.ยูบีเอส (ประเทศไทย) และ บล.โนมูระ พัฒนสิน

โดยการโรดโชว์ครั้งนี้บริษัทมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากผลงานในช่วงที่ผ่านมาหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เติบโตอย่างโดดเด่น ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยปัจจุบันบริษัทฯถือเป็นผู้นำตลาดตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เบอร์หนึ่งของเมืองไทย

“หลังจากที่เราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงปลายปี 57 เพื่อระดมทุนใช้ในการขยายธุรกิจ ตามแผนและยุทธศาสตร์ขยายตัวทั่วไทย เราเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ ทำให้ยอดปล่อยกู้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เราก็ได้มีการปรับเป้าหมายใหม่เพิ่มเป็น 50% เนื่องจากดีมานด์ในตลาดมีสูง เพราะคนในระดับรากหญ้ายังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยในปี 2560 บริษัทฯตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 5 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50% เทียบกับปีที่ผ่านมา” นายชูชาติ กล่าว

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะ “ซื้อ” MTLS พร้อมปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 42 บาท จากเดิม 32 บาท หลังปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560-2561 ขึ้น 10% และ 13% ตามลำดับ สะท้อนการเติบโตของสินเชื่อที่ดี และการบริหารค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ส่วนหนึ่งชดเชยด้วยการปรับต้นทุนการเงินเพิ่มเล็กน้อยให้สอดคล้องกับแผนระดมเงินของบริษัทที่จะผ่านการกู้ยืมระยะยาวเพิ่มเป็น 50% จาก 27% ในสิ้นปี 2559

นอกจากนี้ MTLS ยังเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานทุน ในช่วงที่สินเชื่อเติบโตสูงใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยตัดสินใจลดนโยบายการจ่ายเงินปันผลจาก 50% เป็น 15% เพื่อให้มี D/E ไม่สูงมากเกินไป และไม่ต้องเพิ่มทุน

สำหรับแผนงานปี 2560 จะเปิดอีก 536 สาขาเพื่อให้ได้ 2,200 สาขาภายในสิ้นปี 2560 โดยในไตรมาส 1/60 คาดว่าจะเปิด 260 สาขา ทั้งนี้สาขาที่เปิดปีแรกจะมีธุรกรรมราว 30% ของกำลังการให้บริการ ปีที่สองจะเพิ่มเป็น 60% และปีที่สามเป็น 100% ดังนั้นจะเห็นการเติบโตจากสาขาเดิมเพิ่มขึ้นหลังจากที่ขยายสาขาอย่าง Aggressive ในช่วง 1-3 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ จุดเด่นของ MTLS คือการเติบโตที่สูงต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี โดย NPL ratio ต่ำที่ 1.07% ในสิ้นปี 2559 และมี Coverage ratio สูงถึง 257%

 

ด้าน นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” MTLS ราคาเป้าหมาย 35 บาท/หุ้น โดยฝ่ายวิจัยปรับประมาณการสำหรับปี 2560-2561 เพิ่มขึ้น 13-24% จากการปรับการเติบโตของสินเชื่อในปี 2560-2561 ขึ้นเป็น 40% และ 30% ตามลำดับ และผลตอบแทนของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 6 bps เป็น 22.2% ในปี 2559)

ทั้งนี้คาดว่าผลประกอบการในปี 2560-2561 จะโตขึ้น 40% และ 30% แม้ว่าต้นทุนของเงินจะเพิ่มขึ้น (จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น) โดยคาดว่าต้นทุนของเงินจะเพิ่มขึ้น 85 bps เป็น 3.57% ในปี 2560 และเพิ่มขึ้น 59 bps เป็น 4.16% สำหรับปี 2561 และฝ่ายวิจัยคาดอัตราส่วนของสินเชื่อระยะยาวเพิ่มขึ้นจาก 27% ในปี 2559 เป็น 61% ในปี 2561

ขณะเดียวกันแม้ว่าพอร์ตสินเชื่อจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จาก 7.4 พันล้านบาทในปี 2558 เป็น 2.35 หมื่นล้านบาท ในปี 2559 ในขณะที่อัตราส่วนของ NPL ต่อสินเชื่อรวมยังต่ำที่ 1.24%  ในสิ้นปี 2559 ฝ่ายวิจัยคาดว่าสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัวภายในปี 2562และ NPL ที่ 1.65% (เป้าของบริษัทไม่เกิน 1.5%) และเราได้รวม Credit Cost ในเชิงรับที่ 1.7-1.9% สำหรับปี 2560-2562

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button