ร้องไห้หนักมาก 21 หุ้น mai ราคารูดเกิน 10%

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในตลาด mai ที่ปรับตัวลงแรงในรอบ 2 เดือน โดยเทียบราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 – 28 ก.พ.60 โดยครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ราคาปรับตัวลงแรงเกิน 10% นำโดย DNA, SEAOIL และ NEWS ดังตารางประกอบ

 

อันดับที่ 1 บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA ราคาช่วง 2 เดือนปรับตัวลดลง 32.33% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 1.33 บาท ลบ 0.43 บาท มาอยู่ที่ 0.90 บาท ณ วันที่ 28 ก.พ.60

โดยราคาหุ้นปรับตัวลงเนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นไม่สู้ดีนัก ล่าสุด DNA รายงานผลการดำเนินงานปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุน 270.88 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 41% จากปีก่อนขาดทุน 457.78 ล้านบาท

 

อันดับที่ 2 บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAOIL ราคาช่วง 2 เดือนปรับตัวลดลง 23.77% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 4.46 บาท ลบ 1.06 บาท มาอยู่ที่ 3.40 บาท ณ วันที่ 28 ก.พ.60

โดยราคาหุ้นปรับตัวลงเนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นไม่สู้ดีนัก ล่าสุด SEAOIL รายงานผลการดำเนินงานปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุน 23.98 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 6.50 ล้านบาท

 

อันดับที่ 3 บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS ราคาช่วง 2 เดือนปรับตัวลดลง 22.22% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 0.18 บาท ลบ 0.04 บาท มาอยู่ที่ 0.14 บาท ณ วันที่ 28 ก.พ.60

โดยราคาหุ้นปรับตัวลงเนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นไม่สู้ดีนัก ล่าสุด NEWS รายงานผลการดำเนินงานปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุน 1.50 พันล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนขาดทุน 605.72 ล้านบาท

 

อันดับที่ 4 บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS ราคาช่วง 2 เดือนปรับตัวลดลง 15.67% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 2.68 บาท ลบ 0.42 บาท มาอยู่ที่ 2.26 บาท ณ วันที่ 28 ก.พ.60

โดยราคาหุ้นปรับตัวลงเนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นไม่สู้ดีนัก ล่าสุด UMS รายงานผลการดำเนินงานปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุน 57.63 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 371.23 ล้านบาท

 

อันดับที่ 5 บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ราคาช่วง 2 เดือนปรับตัวลดลง 14.81% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 0.27 บาท ลบ 0.04 บาท มาอยู่ที่ 0.23 บาท ณ วันที่ 28 ก.พ.60

โดยราคาหุ้นปรับตัวลงเนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นไม่สู้ดีนัก ล่าสุด EFORL รายงานผลการดำเนินงานปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุน 614.45 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 210.39 ล้านบาท

 

ทั้งนี้หากสังเกตหุ้นปรับตัวลงแรง ส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบในเรื่องผลประกอบการ และทิศทางธุรกิจยังไม่สดใสทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหากมองอีกด้านหนึ่งถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้สะสมหุ้นกลุ่มนี้ เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนปีนี้ที่หุ้นเหล่านี้จะได้พิสูจน์ผลงาน และโชว์แผนธุรกิจให้กับนักลงทุนได้มั่นใจ ถึงตอนนั้นหุ้นเหล่านี้ก็มีโอกาสกลับมาสดใสและดีดกลับไปราคาเดิมที่เคยร่วงลงมาก็เป็นได้

 

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำหรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตามล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน