TSR รับทรัพย์อื้อซ่า! เดินหน้าส่งเครื่องกรองน้ำ SAFE ตะลุยตปท.

TSR จ่อรับทรัพย์อื้อซ่า! ส่งเครื่องกรองน้ำ SAFE ตะลุยตลาดลาว ตั้งเป้ายอดขายปี 60 แตะ 20 ลบ. ปูทางขยายตลาดสู่ประเทศกลุ่ม CLMV ด้าน โบรกฯ ชี้กำไรปีนี้โตโดดเด่น ให้เป้าสูงสุด 7 บ.


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSR หลังมีประเด็นบวกจากการที่บริษัทเตรียมนำเครื่องกรองน้ำ SAFE เข้าสู่ตลาดสปป.ลาว โดยตั้งเป้ายอดขาย 20 ล้านบาทในปีนี้ พร้อมเดินหน้าหารือกับพันธมิตรเมียนมาร์และเวียดนาม ด้านนักวิเคราะห์มองว่าในปี 60 แนวโน้มยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงสดใสจากการขยายตลาดไปต่างประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเติบโตอย่างโดดเด่น

ขณะที่ราคาหุ้น TSR ล่าสุดปิดตลาดวานนี้ (22 มี.ค.) อยู่ที่ 4.98 บาท ปรับตัวลดลง 0.07 บาท หรือ 1.39% มูลค่าซื้อขาย 18.56 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 7 บาท อยู่ 40.56%

โดย นายวิรัช วงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ TSR เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวบริษัท ทีเอสอาร์ ลาว จำกัด (TSR Lao) ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง TSR กับกลุ่มบริษัท JB ซึ่งทำธุรกิจเทรดดิ้งและธุรกิจลีสซิ่งในสปป.ลาว ทั้งนี้บริษัทจะวางจำหน่ายสินค้าเครื่องกรองน้ำเซฟ รุ่น ROMA Plus  และ UV Alkaline เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ และรุ่น Alkaline Plus / Super Alkali / Alkaline Deluxe สำหรับลูกค้าที่มีรายได้ระดับปานกลาง รวมถึงจำหน่ายสินค้าประเภท Accessories เช่น เหยือกกรองน้ำ รุ่น Ecomize อุปกรณ์เสริมต่างๆ เครื่องกรองดักจับตะกอนหยาบ Big White โดยวางเป้าหมายยอดขายในปี 60 ประมาณ 20 ล้านบาท และในอนาคต TSR เตรียมส่งสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าไปทำตลาดเพิ่มเติม

มั่นใจว่าการเข้าไปทำตลาดเครื่องกรองน้ำดื่มใน สปป.ลาว จะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภค เนื่องจากสินค้าของเรามีจุดแข็งในแง่ของคุณภาพที่ได้รับมาตรฐานสากล และราคาจับต้องได้ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระได้ ตั้งแต่ 6-12 งวด โดยมีการวางเงินดาวน์ สำหรับรูปแบบการทำการตลาดจะใช้ระบบการขายแบบขายตรงแบบชั้นเดียว (Single Level Direct Sale) ผ่านทีมงานขายที่เป็นคนลาว โดยซึ่งระยะเริ่มต้นจะมีทีมขายจากประเทศไทยเป็นพี่เลี้ยง ซึ่งการทำการตลาดรูปแบบนี้จะประสบความสำเร็จ เนื่องจากมองว่าผู้บริโภคจะให้ความไว้วางใจคนในพื้นที่ ทำให้สามารถทำการตลาดได้ง่ายมากกว่าการเข้าไปเจาะตลาดเองโดยตรง” นายวิรัชกล่าว

ทั้งนี้การเข้าไปทำตลาดในสปป.ลาวในครั้งนี้ของบริษัทถือเป็นการเปิดฉากขยายตลาดสู่ประเทศในกลุ่ม CLMV เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการหารือกับพันธมิตรในเมียนมา และเวียดนาม ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้จะได้เห็น TSR นำสินค้าเครื่องกรองน้ำ “SAFE” ไปบุกตลาด 2 ประเทศนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันธุรกิจของ TSR เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำเก็งกำไร TSR ให้ราคาเป้าหมายที่ 7 บาท/หุ้น มองว่าธุรกิจผ่านจุดแย่สุดไปแล้วจากการตั้งสำรองที่คาดสูงสุดแล้วในไตรมาส 4/59 ขณะที่รายได้คาดเติบโตต่อเนื่องจากกำลังซื้อที่เริ่มฟื้น, ภัยแล้งที่ลดลง, การเปิดสาขาใหม่, การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ และการขยายสินค้าในกลุ่มเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า

 

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำซื้อ TSR ให้ราคาพื้นฐานที่ 6.60 บาท/หุ้น (อิง PER 22x ที่ Fully diluted EPS จากการใช้สิทธิ์ TSR-W1) สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่จะพลิกกลับมาโตโดดเด่นอีกครั้ง และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรทั้งปี 60 ที่หุ้นละ 0.18 บาท คิดเป็น Div. Yield 3.8%

ทั้งนี้ ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 2 พันล้านบาท หรือเติบโต 24.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากแนวโน้มยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงสดใส ซึ่งผู้บริหารมีแผนเพิ่มสัดส่วนยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้ไว้มากกว่า 15% จากปี 59 ที่ 8% โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของ TSR โดยมีปัจจัยหนุนจากกลยุทธ์เชิงรุกที่เข้มข้นขึ้นทั้งการเพิ่มสาขา, การเพิ่มพนักงานขาย และการเพิ่มช่องทางการขายสินค้าด้วยสื่อออนไลน์

รวมทั้งการเข้าสู่ระดับปกติของค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญ หลังบริษัทคุมเข้มนโยบายขายเชื่อ นอกจากนี้ยังมีแผนรุกตลาดประเทศลาวด้วยเครื่องกรองน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งส่งผลให้คงประมาณการเดิม โดยคาดปี 60 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 198 ล้านบาท พลิกกลับมาโตเด่น 146.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำหรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตามล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button