AAV บินลิ่ว! นักท่องเที่ยวจีนแบกกระเป๋าเข้าไทย ดันรายได้ล้นทะลัก

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV หลังนักท่องเที่ยวจีนเริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากกรณีข้อพิพาทระหว่างจีนและเกาหลีใต้ซึ่งส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยแทนประเทศเกาหลีใต้ รวมทั้งการปรับตัวลงของราคาน้ำมัน เครื่องบิน Singapore Jet Kerosene ลดลง และคาดว่าบริษัทจะได้รับใบ AOC ต้นเม.ย.60 ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถให้บริการเส้นทางระหว่างประเทศได้

โดย ราคาปิดตลาดวานนี้ (28 มี.ค.) อยู่ที่ 6.50 บาท ปรับตัวขึ้น 0.20 บาท หรือ 3.17% ด้านมูลค่าซื้อขาย 222.74 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 7.50 บาท อยู่ 15.38%

 

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ กพท.จะส่งหนังสือถึงองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อขอให้เข้ามาตรวจสอบเพื่อปลดล็อกสัญลักษณ์ธงแดงการบินของไทย และ ICAO จะเข้ามาตรวจสอบภายในเดือนกันยายน 60

โดยประเทศไทยจะต้องเข้ารับการตรวจสอบใน 2 กรณี คือ 1.การแก้ปัญหากรณีที่ ICAO ตรวจพบว่า กพท. มีข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) เกี่ยวกับกระบวนการออกใบรับรองผู้ดำเนินอากาศ (AOC) และการรับรองการขนส่งสินค้าอันตราย (Dangerous Goods) รวม 33 ข้อ และ 2.การดำเนินการออกใบ AOC ใหม่ (AOC Re-certification) ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกใบ AOC ให้กับ AAV ได้ประมาณต้นเดือนเมษายนนี้

ทั้งนี้ หากสายการบินใดยังไม่ได้รับ AOC ใหม่ ก็จะต้องยุติการบินในเส้นทางระหว่างประเทศทันที จนกว่าไทยจะสามารถปลดล็อกธงแดงได้ หรือสายการบินนั้นๆ เข้าสู่การตรวจประเมินจนได้รับ AOC ใหม่ แต่ยังสามารถให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศได้ตามปกติ

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำซื้อ AAV ให้ราคาเป้าหมายที่ 7.50 บาท/หุ้น ในส่วน AAV มีแผนรับเครื่องบินเพิ่ม 6 ลำ เป็น 57 ลำ จะเพิ่มเส้นทางบินใหม่ใน CLMV และอินเดีย เพิ่มความถี่ในเส้นทางบินที่มีศักยภาพ เปิดเส้นทางบิน Hub กับ Hub ที่มีคู่แข่งน้อยให้มากขึ้น โดย มี.ค. จะเปิด 2 เส้นทางบินใหม่ อู่ตะเภา-อุบลราชธานี และ อู่ตะเภา-ภูเก็ต เพื่อให้บรรลุเป้าหมายผู้โดยสารปีนี้ที่ 19.5 คน โต 13.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราการขนส่งผู้โดยสารที่ 84% และรายได้เฉลี่ย/ตั๋วขึ้น 6%

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ AAV โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 7.20 บาท/หุ้น คาดการท่องเที่ยวไทยจะได้รับอานิสงส์จากกรณีข้อพิพาทระหว่างจีนและเกาหลีใต้ ส่งผลให้ทางการจีนสั่งหยุดจำหน่ายทัวร์จากจีนไปเกาหลีใต้ตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.60 ซึ่งจะมีส่วนที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกรุ๊ปทัวร์ต้องหันไปท่องเที่ยวในประเทศอื่นแทน รวมถึงประเทศไทยด้วย และมองว่าเป็นโอกาสต่อสายการบินไทยแอร์เอเชียที่มีฐานผู้โดยสารต่างชาติที่เป็นชาวจีนเป็นหลักคิดเป็นประมาณ 20% จากจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด

รวมทั้งคาดว่าจำนวนผู้โดยสารช่วงไตรมาส 1/60 ยังเติบโตแข็งแกร่ง โดยประเมินอัตรา Load Factor อยู่ในระดับโดดเด่นใกล้เคียงไตรมาส 1/59 โดยมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน หลังปลายปี 59 ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ รวมถึงผลบวกจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐที่มีการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 21 ประเทศ ถึง 31 ส.ค. 60 ซึ่งรวมถึงนักท่องเที่ยวจีนด้วย ทั้งนี้ได้ประเมินจำนวนผู้โดยสารในปี 60 จะอยู่ที่ 19.5 ล้านคน เติบโต 13% เทียบช่วงเดียวกันของปี

นอกจากนี้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 ยังมีแนวโน้มจะฟื้นตัวโดดเด่นไตรมาสก่อน เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยว ยังคงประเมินกำไรสุทธิปี 60 เพิ่มขึ้น 16% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าในปี 60 สายการบินไทยแอร์เอเชียยังคงเป็นผู้นำในธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำในประเทศและจะมีส่วนแบ่งการตลาดราว 30%

 

ส่วนที่นักวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์โดยให้ราคาเป้าหมาย AAV อยู่ที่ 7 บาท มองว่าด้วยอานิสงส์บวกจากราคาน้ำมันเครื่องบิน Singapore Jet Kerosene ที่ลดลง 7.5%YTD และบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ 4.5%YTD ผนวกกับปริมาณผู้โดยสายเครื่องบิน 6 สนามบินหลักของประเทศ (สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ภูเก็ตเชียงใหม่, เชียงราย และหาดใหญ่) ในเดือน ม.ค.-ก.พ. 60 โต 7.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงคาดว่าจะหนุนให้ช่วงไตรมาส 1/60 กำไรโต