จับพิรุธ GL แจงเอกสารเท็จตลาดหลักทรัพย์ฯ!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 มี.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 9.01 น. บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ได้ส่งหนังสือชี้แจง (ฉบับแก้ไข)ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ซึ่งเป็นการชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นข้อสังเกตของผู้สอบบัญชีกรณีเงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับ โดยการส่งหนังสือครั้งนี้นับเป็นการแก้ไขครั้งที่ 3 หลังจากมีการส่งหนังสือฉบับแรกไปเมื่อ 13 มี.ค. 2560

สำหรับส่วนที่มีการแก้ไขครั้งนี้ คือ “การอธิบายการขยายระยะเวลาชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยค้างรับแก่ผู้กู้ข้างต้นแยกเป็นรายกลุ่ม เช่น วันที่ขยาย ระยะเวลาชำระหนี้ จำนวนหนี้ที่ขยายแยกเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยค้างรับ เป็นต้น” ซึ่งอยู่ในหน้า 9 ของหนังสือชี้แจง โดยมีการแก้ไขในเรื่องของนโยบายหรือขั้นตอนในการเรียกเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้ 2 กลุ่มในประเทศไซปรัสและสิงคโปร์ จำนวน 8 ราย

อนึ่ง ตามหนังสือชี้แจงฉบับก่อน (ฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) GL ระบุว่า Group Lease Holdings Pte.Ltd. หรือ GLH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯในประเทศสิงคโปร์ และได้รับการปล่อยสินเชื่อจากบริษัทฯไปเป็นจำนวน 3.48 พันล้านบาท เพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อต่อให้แก่บริษัทอื่น 2 กลุ่มตามที่กล่าวข้างต้น และได้อธิบายหลักเกณฑ์และข้อกำหนดสำหรับการเรียกเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้ดังต่อไปนี้

“ในการนี้ GLH จะเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระตามสัญญาเงินกู้ที่เกี่ยวข้องเป็นรายไตรมาส โดยปกติ GLH จะออกใบแจ้งหนี้สำหรับดอกเบี้ยดังกล่าวภายใน 5-6 อาทิตย์หลังจากสิ้นไตรมาส เมื่อมีการออกใบแจ้งหนี้แล้ว ผู้กู้จะชำระเงินตามจำนวนได้รับแจ้งภายใน 1-3 อาทิตย์ ทั้งนี้ ในปี 2558 และ 2559 ไม่มีดอกเบี้ยค้างชำระ และ GLH ได้รับชำระดอกเบี้ยครบถ้วนจากผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวมาโดยตลอด”

อย่างไรก็ดี วันนี้ GL ได้ส่งหนังสือชี้แจง ฉบับแก้ไข ครั้งที่ 3 ให้แก่ ตลท. ซึ่งมีการแก้ไขข้อมูลในส่วนเดียวกัน โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

“ในการนี้ GLH จะเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระตามสัญญาเงินกู้ที่เกี่ยวข้องเป็นรายไตรมาส โดยปกติ GLH จะออกใบแจ้งหนี้สำหรับดอกเบี้ยดังกล่าวภายใน 5-6 อาทิตย์หลังจากสิ้นไตรมาส เมื่อมีการออกใบแจ้งหนี้แล้ว ผู้กู้จะชำระเงินตามจำนวนได้รับแจ้งภายใน 1-3 เดือน ทั้งนี้ ในปี 2558 และ 2559 ไม่มีดอกเบี้ยค้างชำระผู้บริหารจึงมีความเห็นว่าไม่ต้องตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มข้างต้น และ GLH ได้รับชำระดอกเบี้ยครบถ้วนจากผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวมาโดยตลอด”

อนึ่ง วานนี้ (29 มี.ค.) “หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ” และ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” และ รายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาดออนเรดิโอ” มีการนำเสนอประเด็นข่าวเกี่ยวกับเรื่อง “GLH ปล่อยสินเชื่อต่อเนื่องอีกกว่า 100 ล้านบาท ให้กับลูกหนี้ที่มีการผิดนัดชำระดอกเบี้ยตั้งแต่งวดแรกหลังมีการทำสัญญากู้ยืมเงิน” โดยเป็นการวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลที่ทางบริษัทฯเคยแจ้งต่อตลท.ก่อนหน้านี้ ซึ่งระบุว่า ผู้กู้จะชำระเงินตามจำนวนได้รับแจ้งภายใน 1-3 อาทิตย์

(สามารถย้อนดูรายละเอียดของเนื้อข่าวได้ที่นี่ http://www.kaohoon.com/content/148703)

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า การที่ GL ออกหนังสือชี้แจง ฉบับแก้ไข ครั้งที่ 3 นี้ออกมา และมีการแก้ไขข้อมูลในส่วนของระยะเวลาในการชำระดอกเบี้ย จากเดิม 1-3 อาทิตย์ เป็น 1-3 เดือน เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า GL ยังไม่ทราบว่า ลูกหนี้ของ GLH ผิดนัดชำระดอกเบี้ยหรือไม่ เนื่องจากยังไม่ถึงวันครบกำหนดชำระ ดังนั้นจึงมีการอนุมัติสินเชื่อเพิ่มให้อีก 2 ครั้ง คือ วันที่ 12 และ 14 ธ.ค. 2559 มูลค่ารวมกัน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี การชี้แจงข้อมูลดังกล่าวถือเป็นสาระสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นปัจจัยที่สามารถถูกนำมาใช้ในการประเมินความเสี่ยงของ GLH ต่อการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกหนี้รายต่างๆ อีกทั้งเป็นความเสี่ยงของ GL ด้วยเช่นกัน ในฐานะเจ้าของเงินต้นทางที่ GLH มีภาระต้องนำส่งดอกเบี้ยและเงินต้นคืนให้ ซึ่งขณะนี้ ผู้สื่อข่าวกำลังสอบถามไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯว่า การแก้ไขข้อมูลดังกล่าวถึง 3 ครั้ง ถือเป็นการผิดหรือไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้อกำหนดอย่างไร หรือไม่

อีกทั้ง การแก้ไขเอกสารชี้แจงข้อมูลในครั้งนี้ (ครั้งที่ 3) ถือว่า เกิดขึ้นหลังจากมีการแก้ไขเอกสารชี้แจงข้อมูลในครั้งที่แล้ว (ครั้งที่ 2) นานพอสมควร กล่าวคือ GL ส่งเอกสารครั้งก่อนหน้า เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2560 หรือตั้งแต่เมื่อ 13 วันที่ผ่านมา ดังนั้นจึงน่าถูกตั้งเป็นข้อสังเกตว่า เหตุใดตลาดหลักทรัพย์จึงไม่เรียกให้มีการแก้ไขข้อมูลตั้งแต่ก่อนหน้านี้ หรือหาก GL มีเจตนาบริสุทธิ์จริง เหตุใดจึงไม่ขอแก้ไขข้อมูลด้วยตนเองตั้งแต่ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้บนหน้าสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆมีการพูดถึงประเด็นนี้อย่างกว้างขวาง โดยมีการตั้งคำถามถึงมาตรฐานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่าง GL ว่าสมควรจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ และประเด็นนี้จะมีผลกระทบต่องบการเงินงวดปี 2559 ด้วยหรือไม่อย่างไร หรือการที่บริษัทฯให้เวลาในการชำระดอกเบี้ยนานถึงราว 4 เดือนครึ่งหลังครบงวดชำระถือเป็นความเสี่ยงของบริษัทย่อยในฐานะผู้ปล่อยกู้ขนาดไหน