จัดทัพ 8 ดาวเด่นกลุ่มบลูชิพ ชูรีเทิร์นชนะตลาด
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจ …
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET ปี 60 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 – 31 มี.ค.60 โดยพบว่ามีบจ.ทั้งหมด 8 ตัว ในกลุ่ม SET50 ที่ราคาปรับตัวขึ้นเกิน 10% นำโดย ADVANC ,KKP ,DTAC ,PTTGC และTMB
ทั้งนี้จะเห็นว่าบจ.เหล่านี้ให้ผลตอบแทนชนะตลาด โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 31 มี.ค. 2559 อยู่ที่ระดับ 1,575.11 จุด บวก 32.17 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.08% จากดัชนีปี 59 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1,542.94 จุด (30 ธ.ค.59)
อันดับ 1 บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.09% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 147 บาท บวก 31 บาท มาอยู่ที่ 178 บาท ณ วันที่ 31 มี.ค.60
ด้าน บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “Trading Buy” ราคาเป้าหมาย 189 บาท/หุ้น โดยคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1 กำไรสุทธิอยู่ที่ 6,978 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 14% จากปีก่อน
ขณะที่เชื่อว่าบริษัทยังคงรักษาระดับในการเพิ่มของจำนวนผู้ใช้งานในอัตรา 1 แสนรายต่อไตรมาสในปี 2560 ดังนั้นเราคาด ณ สิ้นปี 2560 จำนวนผู้ใช้งานจะเพิ่มเป็น 7 แสนราย หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 8% ยังคงเน้นการตลาดในหัวเมือง 27 จังหวัดและในแขตกรุงเทพ เพื่อเพิ่มอัตราการใช้งานของโครงข่าย และการมี Digital Content อย่าง HBO เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยเร่งการขยายฐานลูกค้า
อันดับ 2 ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.80% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 59 บาท บวก 10.50 บาท มาอยู่ที่ 69.50 บาท ณ วันที่ 31 มี.ค.60
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 75.50 บาท/หุ้น โดยคาดกำไรสุทธิปี 60 ที่ 5,610 ล้านบาท โต 0.9% จากปีก่อน และ Dividend Yield สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร ด้านสินเชื่อปีนี้กลับมาโต 11.3% จากปีก่อน ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมในปีเติบโตเพิ่มขึ้น 7.50% จากรายได้ที่เกี่ยวเนื่องตลาดทุน
อันดับ 3 บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.56% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 37.75 บาท บวก 6.25 บาท มาอยู่ที่ 44 บาท ณ วันที่ 31 มี.ค.60
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 30 บาท/หุ้น โดยคาดว่า DTAC จะพลิกมามีผลขาดทุนปกติ 125 ลบ. ไตรมาส 1/60 ซึ่งยังถูกกดดันจากรายได้จากการให้บริการที่คาดว่ายังหดตัวลงจากปีก่อน
ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากทั้ง Handset Margin ที่ยังติดลบจากสภาพการแข่งขันในปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่อยู่ในระดับสูงหลังออกแคมเปญใหญ่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่วนประเด็นเรื่องโอกาสในการได้คลื่น 2300 MHz มาใช้งานยังไม่ได้คิดว่าจะเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานของ DTAC ในทันที ประมาณการกำไรปกติปี 60 ณ ปัจจุบันที่ 2,089 ลบ. ลดลง 17.8% จากปีก่อน อีกทั้งคาดว่าจะมี Downside และอาจถึงขั้นขาดทุน ราคาหุ้นปรับขึ้นมาค่อนข้างมากและเกินราคาเหมาะสมที่ 30 บาท จึงยังคงคำแนะนำ “ขาย”
อันดับ 4 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.27% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 63 บาท บวก 10.25 บาท มาอยู่ที่ 73.25 บาท ณ วันที่ 31 มี.ค.60
ด้าน บล.กรุงศรี แนะนำ “OUTPERFORM” ราคาเป้าหมาย 82 บาท/หุ้น โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 ประมาณ 1.15 หมื่นล้านบาท (EPS 2.60 บาท) เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน และ 144% จากปีก่อนจากธุรกิจ olefins ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้โมเมนตั้มของกำไรอาจจะอ่อนลงในไตรมาส 2/60 จาก BD spreads ที่ลดลง และการปิดซ่อมบำรุงตามกำหนดของโรง cracker I4/1 เป็นเวลา 39 วัน แต่ราคา PE ยังแข็งแกร่ง คงคำแนะนำ ซื้อ พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 82 บาท อิงจาก EV/EBITDA ปี 60 ที่ 6 เท่า
อันดับ 5 ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.19% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 2.10 บาท บวก 0.34 บาท มาอยู่ที่ 2.44 บาท ณ วันที่ 31 มี.ค.60
ด้าน นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMB เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อความต้องการใช้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อยในช่วงนี้ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสินเชื่อของธนาคารเริ่มมีการขยายตัวได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะแนวโน้มของสินเชื่อรายใหญ่ของธนาคารที่ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมีการเติบโตแล้ว 5% จากสิ้นปีก่อน โดยธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่มากกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งการขอสินเชื่อในช่วงต้นปีถึงปัจจุบันของลูกค้าส่วนใหญ่เป็นการขอวงเงินเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้ ธนาคารยังมั่นใจว่าการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้เติบโต 8%
ส่วนอันดับที่ 6-8 ได้แก่
อันดับ 6 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.25% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 17.70 บาท บวก 2.70 บาท มาอยู่ที่ 20.40 บาท ณ วันที่ 31 มี.ค.60
อันดับ 7 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.79% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 159.50 บาท บวก 22 บาท มาอยู่ที่ 181.50 บาท ณ วันที่ 31 มี.ค.60
อันดับ 8 บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.06% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 49.75 บาท บวก 6 บาท มาอยู่ที่ 55.75 บาท ณ วันที่ 31 มี.ค.60
ทั้งนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงดังกล่าว ส่วนใหญ่จะได้ปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่เอื้อให้ผลการดำเนินงานโดดเด่น ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นหลังมองเห็นถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และศักยภาพการวางแผนธุรกิจของผู้บริหาร อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นอาจอยู่ในภาวะแรงซื้อมากเกินไป นักลงทุนก็ต้องระวังการเข้าลงทุนไว้ด้วย ขณะที่ต้องดูค่า P/E เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าหุ้นตัวนั้นถูกหรือแพงเกินไปหรือไม่
*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน