MM ลุ้นเทรดสนั่น! สวนกระแสลบหุ้น IPO

MM ลุ้นเทรดสนั่น! สวนกระแสลบหุ้น IPO หลังหุ้น IPO ที่เข้าซื้อขายก่อนหน้านี้มีการตอบรับจากนักลงทุนได้ไม่ดีนัก โดย MM มีราคา IPO อยู่ที่ 5.25 บาท ชูจุดแข็งด้านแบรนด์สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากผู้บริโภค


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (11 เม.ย.) บริษัท มัดแมน จำกัด (มหาชน) หรือ MM จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (mai) เป็นวันแรกในหมวดอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยราคา IPO ที่ 5.25 บาท

โดยนายนาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MM เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วันแรกในวันที่ 11 เม.ย.60 ในหมวดอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ภายใต้ชื่อย่อ MM พร้อมมั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่ได้สิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์จากต่างประเทศ และที่ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ของตนเอง

ทั้งนี้ MM ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม แบ่งเป็น ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มภายใต้สิทธิแฟรนไชส์ ได้แก่ แบรนด์ Dunkin Donuts, Au Bon Pain และ Baskin Robbins และธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ได้แก่ แบรนด์ Greyhound Cafe, Another-hound Cafe และครัวเอ็ม รวมถึงธุรกิจอื่น คือ ธุรกิจไลฟ์สไตล์ ภายใต้แบรนด์ Greyhound

โดยบริษัทมีทุนจดทะเบียน 1,054,903,750 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,054,903,750 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยทุนที่ออกและชำระแล้วมีจำนวน 843,923,000 บาท โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 210,980,750 หุ้น

ทั้งนี้บริษัทแบ่งการเสนอขายหุ้น IPO เป็น 2 ส่วน โดยในส่วนแรกจะเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นของ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SST ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MM ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน SST (Pre-emptive Right) ไม่เกิน 105,490,375 หุ้น และจะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปไม่เกิน 105,490,375 หุ้น

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้ขยายธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยจะขยายสาขาร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ในประเทศไทยเพิ่มอีก 6-9 สาขา รวมเป็น 19-22 สาขาภายในปี 63 และเร่งขยายสาขาในต่างประเทศผ่านการให้สัญญาแฟรนไชส์ในประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงจะลงทุนเปิดร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ในประเทศอังกฤษ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้

นอกจากนี้ มีแผนขยายสาขาร้านดังกิ้น โดนัท, โอ บอง แปง และบาสกิ้น รอบบิ้นส์ เพิ่มขึ้นแบรนด์ละ 12-15 สาขาต่อปี 5-6 สาขาต่อปี และ 3-5 สาขาต่อปีตามลำดับ ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 63 คาดว่าร้านดังกิ้น โดนัท, โอ บอง แปง และบาสกิ้น รอบบิ้นส์ จะมีสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 355 สาขา 96 สาขา และ 54 สาขาตามลำดับ

“เรามีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างยั่งยืน โดยจะมุ่งเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและผลักดันการเติบโตในอัตราที่สูงกว่าตลาดรวม ดังนั้นจึงมีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง” นายซาลฮานี กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานปี 59 บริษัทมีรายได้รวมทั้งหมด 2.99 พันล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 168.32 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.20 บาท/หุ้น ขณะที่ปี 58 บริษัทมีรายได้รวม 2.89 พันล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 42.93 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.05 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ บริษัทมีความมั่นใจในโอกาสเติบโตที่ดี ถึงแม้มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิในปีที่ผ่านมา แต่เป็นการขาดทุนจากการตัดค่าจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนที่ได้มาจากการเข้าซื้อกิจการ และการด้อยค่าของสินทรัพย์ โดยบริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มสาขาร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ในไทยเอง และขยายสาขาในต่างประเทศผ่านการให้สิทธิแฟรนไชส์

รวมถึงมีแผนเปิดร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ แห่งแรกในอังกฤษ ใช้งบลงทุน 80-100 ล้านบาท เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับขยายธุรกิจในทวีปยุโรปผ่านการให้สิทธิแฟรนไชส์ รวมถึงจะขยายสาขาดังกิ้น โดนัท โอ บอง แปง และบาสกิ้น รอบบิ้นส์ ในไทยอย่างต่อเนื่อง

 

ด้าน นางสาวหรรษา เสริมศรี รองประธานบริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน MM เปิดเผยว่า บริษัทมีจุดเด่นด้านวงจรเงินสดหมุนเวียนอยู่ในระดับที่ดี กล่าวคือ บริษัทรับรายได้เป็นเงินสดจากลูกค้าในทันทีแต่การจ่ายเงินคู่ค้าเป็นในลักษณะเครดิตทางการค้า

ขณะเดียวกันธุรกิจของ MM มีจุดแข็งด้านแบรนด์สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เนื่องจากได้ให้ความสำคัญกับการสร้างตราสินค้าและพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มกว่า 10 ปี เพื่อวางแผนพัฒนานวัตกรรมใหม่ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่มีความแปลกใหม่ รูปแบบร้านที่มีความทันสมัย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการวางแผนนำเสนอร้านค้าในรูปแบบใหม่และพัฒนากลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้เติบโต

ทั้งนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตในอนาคต ได้แก่ การมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง การควบคุมคุณภาพมาตรฐานสินค้าตั้งแต่ขั้นตอนการคัดสรรวัตถุดิบจนถึงการกระจายสินค้าไปถึงหน้าร้าน การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและรัดกุม การกระตุ้นยอดขายและเพิ่มการรับรู้แบรนด์โดยเน้นการทำตลาดผ่านสื่อดิจิทัล การสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ การขยายสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพ การปรับปรุงร้านค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า การมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท

 

ขณะที่ นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า หลังจากที่ร่วมกับผู้ร่วมจัดจำหน่ายเปิดให้นักลงทุนสถาบันและประชาชนทั่วไปจองซื้อหุ้น IPO ของ MM ในราคาเสนอขายสุดท้ายที่หุ้นละ 5.25 บาท ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีกว่าคาดไว้

โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่มียอดจองซื้อสูงกว่าจำนวนที่จัดสรรเกือบ 4 เท่า เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจที่ดีและโอกาสเทิร์นอะราวด์ได้อย่างมีศักยภาพ ประกอบกับภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต

อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น MM ที่จะทำการซื้อขายในวันนี้เป็นวันแรกอาจปรับตัวเหนือราคา IPO ได้ เนื่องจากธุรกิจบริษัทยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลการดำเนินงานที่ออกมามีผลขาดทุน เนื่องจากเป็นการขาดทุนจากการตัดค่าจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนที่ได้มาจากการเข้าซื้อกิจการ และการด้อยค่าของสินทรัพย์ โดยปี 59 มีผลขาดทุนสุทธิ 168.32 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.20 บาท/หุ้น นั้น

โดยมีการคาดการณ์กันว่าในปีนี้บริษัทจะไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าว และอาจจะส่งผลให้ในปีนี้บริษัทจะพลิกกลับมามีกำไรได้ ขณะที่บริษัทมีจุดแข็งด้านแบรนด์สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มกว่า 10 ปี อีกทั้งมีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

Back to top button