3 โบรกฯคัด 19 หุ้นเด็ดเดือนพ.ค. ชูธีมเด่นเน้นงบหรู-มีข่าวบวก

3 โบรกฯคัด 19 หุ้นเด็ดเดือนพ.ค. ชูธีมเด่นเน้นงบหรู-มีข่าวบวก นำโดย CPF,GLOBAL,SYNEX,TACC,THANI,AP,BCH,BTW,EA,MEGA,ROJNA,CBG,ERW,IRPC,IVL,KCE,MALEE,TASCO และ TCAP


เข้าสู่การลงทุนเดือนพฤษภาคม “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมข้อมูลหุ้นที่น่าลงทุน พร้อมปัจจัยที่ต้องจับตาในการลงทุนมานำเสนอ โดยกลยุทธ์การลงทุนเดือนนี้ บทวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าดัชนีหุ้นไทยโดยรวมมีโอกาสอ่อนตัวลง จากแนวโน้มเงินทุนไหลเข้าที่ชะลอตัว ในขณะที่สถิติชี้ว่าเดือนพฤษภาคมมักจะเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นซบเซา และปรับขึ้นได้ลำบาก

อีกทั้งความไม่แน่นอนของผลประกอบการไตรมาสแรกของหลายๆตลาด และความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างประเทศทั้งนโยบายทรัมป์ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐเอง การเลือกตั้งในฝรั่งเศสและอิตาลี การประชุมของ OPEC และ Non-OPEC ในการขยายเวลาลดกำลังการผลิต และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์

ดังนั้นแม้ว่าภาพรวมตลาดเดือนพ.ค.จะอ่อนตัวลง แต่โบรกฯ 3 แห่งมองว่าเป็นโอกาสซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยเน้นไปที่หุ้นมีการประกาศงบไตรมาส 1/60 โดดเด่นและมีปัจจัยบวกสนับสนุนรายตัวเป็นหลัก โดยหุ้นที่โบรกฯแนะนำครั้งนี้มีทั้ง 19 ตัว ประกอบด้วย CPF, GLOBAL, SYNEX, TACC, THANI, AP, BCH, BTW, EA, MEGA, ROJNA, CBG, ERW, IRPC, IVL, KCE, MALEE, TASCO และ TCAP       

  

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นเดือนพ.ค.มีโอกาสเกิด Sell in May จากความไม่แน่นอนของผลประกอบการไตรมาสแรกของหลายๆตลาด และความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างประเทศทั้งนโยบายทรัมป์ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐเอง การเลือกตั้งในฝรั่งเศสและอิตาลี การประชุมของ OPEC และ Non-OPEC ในการขยายเวลาลดกำลังการผลิต และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์

เพียงแต่การปรับลงไม่น่ามากเท่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ SET -2% เทียบเดือนก่อนหน้า (SET50 – 0.5-3% เทียบเดือนก่อนหน้า) เพราะตลาดปรับฐานไปแล้วในเดือนที่ผ่านมา การปรับลงของตลาดยังเป็นโอกาสในการซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาว เดือนนี้แนะนำ CPF,GLOBAL,SYNEX,TACC,THANI 

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดดัชนี SET จะแกว่งตัวลง (sideways down) ในเดือนพฤษภาคม จากแนวโน้มเงินทุนไหลเข้าที่ชะลอตัว ในขณะที่สถิติชี้ว่าเดือนพฤษภาคมมักจะเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นซบเซา และปรับขึ้นได้ลำบาก และตลาดหุ้นโลกอาจจะกลับมากังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ย Fed อีกครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายน

ทั้งนี้การวิเคราะห์ P/E band ชี้ว่า SET น่าจะซื้อขายอยู่ในช่วง 1,540-1,600 จุดในเดือนนี้ เราแนะนำให้นักลงทุนอาศัยโอกาสที่ตลาดปรับลงเข้าซื้อสะสม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมหภาคในประเทศ และโมเมนตัมของกำไรบริษัทจดทะเบียนเริ่มฟื้นตัวแล้ว และน่าจะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวได้ใน ช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ทั้งนี้หุ้นเด่นเดือนพ.ค. เน้นหุ้นธีมผลประกอบการ,หุ้นที่ตลาดคาดว่าจะถูกปรับเข้า MSCI และหุ้นมีข่าวบวกเฉพาะตัว

เนื่องจากเรามองว่าดัชนี SET อาจจะปรับลดลงได้ในเดือนพฤษภาคมนี้ เราจึงยังเลือกใช้กลยุทธ์การเลือกหุ้นแบบ bottom-up สำหรับการลงทุนในเดือนนี้

โดยธีมหลักสำหรับการเลือกหุ้นในเดือนนี้ได้แก่ i) หุ้นที่กำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส1/60 และคาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องในไตมาส 2/60  ii) หุ้นที่จะได้อานิสงส์จากความคาดหวังของตลาดเรื่องการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI รอบครึ่งปี และ iii) หุ้นที่เลือกโดยอาศัยธีม bottom-up themes/หุ้นมีข่าว โดยหุ้นเด่นที่เราเลือกสำหรับเดือนนี้ได้แก่ CBG, ERW, IRPC, IVL, KCE, MALEE, TASCO และ TCAP        

 

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองระมัดระวังต่อแนวโน้มการลงทุนในเดือนพ.ค.จากปัจจัยต่างประเทศที่กำลังคืบคลานเข้ามากดดันตลาด โดยเป็นห่วงกระแสเงินทุนต่างประเทศจะไหลกลับไปในยุโรปและสหรัฐฯอีกครั้ง หลังความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรปลดลงเป็นลำดับ และแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ จะเริ่มคืบหน้า

ส่วนความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรปลดลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ทราบผลการเลือกตั้งเนเธอร์แลนด์ในเดือน มี.ค. (พรรค People’s Party for Freedom and Democracy ซึ่งเป็นพรรคแกนนำในรัฐบาลชุดปัจจุบันชนะเลือกตั้ง) และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกในเดือน เม.ย. (นาย Emmanuel Macron และนาง Marine Le Pen เป็นผู้สมัครที่มีคะแนนสูงสุดตามผลสำรวจของตลาด) รวมทั้งล่าสุด นายกฯ อังกฤษประกาศจัดการเลือกตั้งเร็วขึ้นเป็นวันที่ 8 มิ.ย. เพื่อหวังเพิ่มจำนวนที่นั่งในสภา ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลมีเสถียรภาพและการเจรจา Brexit มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ยังคงมุมมองเดิมตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. ว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสไม่น่าพลิกล็อกจนนำไปสู่การขอถอนตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปของฝรั่งเศส (Frexit) เนื่องจากผลสำรวจการเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 7 พ.ค. ยังคงชี้ว่า นาย Macron จะเป็นผู้คว้าชัยชนะการเลือกตั้ง โดยมีคะแนนนำทิ้งห่างนาง Le Pen อยู่ที่ 61% : 39% และนาง Le Pen ยังขาดเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนในการจัดทำประชามติ Frexit

ด้านแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ คาดจะเริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ โดยแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ นอกจากคาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ขยายตัวเป็นมากกว่า 3% ต่อปีแล้ว อาจส่งผลให้เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นเร็วด้วย เพราะมีการประเมินกันว่า หนึ่งในแผนปฏิรูปภาษี คือ การลดภาษีโอนเงินทุนในต่างแดนกลับสหรัฐฯ (Repatriation Tax) จะทำให้มีเงินทุนไหลกลับประเทศสหรัฐฯ ประมาณ 1-3 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ผนวกกับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ Deutsche Bank (DB) ซึ่งเป็นพันธมิตรงานด้านวิจัยของเราคาดว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือน มิ.ย. จะเป็นแรงกดดันให้กระแสเงินทุนต่างประเทศมีความผันผวนและอาจส่งผลเชิงลบต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) ได้

โดยสรุป มีมุมมองระมัดระวังต่อแนวโน้มการลงทุนในเดือน พ.ค. จากปัจจัยต่างประเทศที่กำลังคืบคลานเข้ามากดดันตลาดมากขึ้น โดยคาดว่า SET Index จะแกว่งเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,550 – 1,600 ยังคงชอบประเด็นหุ้นเก็งผลประกอบการไตรมาส 1/60 อยู่ เพียงแต่ให้เน้นเลือกหุ้นที่ฐานราคายังอยู่ในระดับต่ำ

หุ้นที่แนะนำในเดือน พ.ค. คือ AP, BCH, BTW, EA, MEGA และ ROJNA ด้านแนวรับและแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1550 – 55, 1520 – 30 และ 1575 – 80, 1600 – 05 จุด ตามลำดับ โดยแนะนำนักลงทุนควรให้ความสำคัญแนวรับที่ 1550 – 55 จุด และแนวต้านที่ 1575 – 80 จุดเป็นกรอบหลักในการเทรดดิ้งระยะสั้น

Back to top button