TU โชว์กำไรไตรมาสแรกสุดปัง! ลุ้น Q2 โตต่อ รับธุรกิจไฮซีซั่น

TU โชว์กำไรไตรมาสแรกสุดปัง! ลุ้น Q2 โตต่อ รับไฮซีซั่น ธุรกิจกุ้ง-ทูน่าฟื้นตัว ด้านแซลมอนปรับขึ้นราคาขาย พร้อมรับรู้รายได้-กำไรจากธุรกิจต่างประเทศ ฟากโบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” เป้าสูงลิ่ว-อัพไซด์เหลือเพียบ!


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU หลังประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/60 ออกมาอย่างสดใส โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 1.47 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.23 พันล้านบาท หลังราคาแซลมอนเริ่มทรงตัว และบริษัทสามารถเจรจาปรับราคาขายได้บางส่วน ทั้งนี้ปัจจัยหนุนหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรและการรับรู้เงินปันผลจากการลงทุนใน Red Lobster เนื่องจากไตรมาส 1 เป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของธุรกิจ Red Lobster

ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ธุรกิจทูน่าและกุ้งจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/60 และลูกค้าเริ่มสต็อกสินค้าก่อนเข้าโลว์ซีซั่นของปริมาณผลผลิตในไตรมาส 3/60 จึงส่งผลให้กำไรในปีนี้ฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อน ขณะเดียวกันธุรกิจแซลมอนสามารถปรับขึ้นราคาขายครอบคลุมต้นทุนที่สูงขึ้นได้ ประกอบกับธุรกิจอื่นที่ลงทุนไปเมื่อปีที่แล้วในต่างประเทศ จะสามารถเริ่มสร้างรายได้และเริ่มรับรู้กำไรเข้ามา

ขณะที่ราคาหุ้น TU ล่าสุดปิดตลาดวานนี้ (11 พ.ค.) อยู่ที่ 20.70 บาท ลบ 0.30 บาท หรือ 1.43% มูลค่าซื้อขาย 380.81 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 29 บาท อยู่ 40.10%

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” TU ราคาเป้าหมาย 29 บาท/หุ้น โดยคาดกำไรฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/60 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นทำให้ปริมาณขายเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้ง TU ได้ทยอยปรับราคาขายสินค้าทูน่าและแซลมอนสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจกุ้งน่าจะได้ผลบวกจากต้นทุนกุ้งลดลงหลังจากปริมาณกุ้งออกมามากขึ้น

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปีนี้จะเติบโตดีขึ้นจากการที่ธุรกิจแซลมอนฟื้นตัวจากขาดทุนหนักในปีก่อน นอกจากนั้นปีนี้ TU จะรับรู้รายได้เต็มปีจากกิจการ 4 แห่งที่ซื้อมาเมื่อปีก่อน ได้แก่ Rugen Fisch AG (แบรนด์อาหารทะเลกระป๋องในเยอรมัน), Les Pecheries de Chez Nous (ซัพพลายเออร์และผู้แปรรูปกุ้งล๊อปสเตอร์ในแคนาดา), Avanti Frozen Foods Privated Limited (ผู้แปรรูปกุ้งแช่แช็งในอินเดีย) และ Red Lobster (เครือข่ายร้านอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดในโลก)

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” TU ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท/หุ้น โดนคาดกำไรหลักชะลอตัวลงจากปีก่อนในไตรมาส 2/60 แต่คาดว่าแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นและส่งผลบวกต่อกำไรครึ่งหลังของปี 60 หนุนโดยอัตรากำไรขั้นต้นของสามธุรกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยคาดราคาปลาทูน่ามีแนวโน้มลดลงในไตรมาส 3/60 เนื่องจากเป็นฤดูการจับปลา อีกทั้งราคากุ้งและแซลมอนได้ปรับลดลงแล้วในไตรมาส 2/60

 

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” TU ราคาเป้าหมาย 24 บาท/หุ้น โดยคาดในช่วงที่เหลือของปีจะเห็นกำไรที่ฟื้นตัวได้จากธุรกิจกุ้งและแซลมอนที่ดีขึ้น แต่ธุรกิจทูน่าอาจยังถูกกดดันจากราคาวัตถุดิบที่ผันผวน โดยฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 60 ลงราว 10% จากประมาณการก่อนหน้า

สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี ฝ่ายวิจัยมองว่าจะเห็นแนวโน้มของผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยธุรกิจกุ้งจะเริ่มฟื้นตัวหลังผ่านพ้นฤดูกาลที่ผลผลิตตกต่ำไปแล้ว ส่วนธุรกิจแซลมอนจะเห็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น แม้ว่าราคาแซลมอนอาจไม่ปรับตัวลดลงต่อในระยะสั้น แต่บริษัทยังมีโอกาสในการเจรจาปรับราคาขายได้เพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามธุรกิจทูน่า ยังมีความไม่แน่นอนจากราคาวัตถุดิบทูน่าที่ผันผวน โดยปัจจุบันดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,690 เหรียญต่อตัน และผู้บริหารมองว่าราคาจะยังอยู่ในระดับสูงจนถึง ก.ค. ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นที่เราคาดไว้ โดยฝ่ายวิจัยปรับลดสมมติฐานกำไรขั้นต้นลงเหลือ 15.2% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 16% ซึ่งทำให้ได้ประมาณการกำไรปกติสำหรับปี 60 ที่ 5,619 ล้านบาท ลดลงราว 10% จากประมาณการก่อนหน้า

Back to top button