ส่องงบฯ Q1/60 หุ้นสายการบินตัวท็อป

เปิดผลประกอบการไตรมาส 1/60 บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มสายการบิน พร้อมแนวโน้มธุรกิจในอนาคต ฟากกพท.มั่นใจปลดธงแดง ICAO มิ.ย.ตามกำหนด หลังแก้ปัญหาความปลอดภัยคืบหน้า


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ในกลุ่มผู้ประกอบการให้บริการสายการบิน หลังจากที่เริ่มทยอยประกาศงบฯออกมา สำหรับบจ.ที่ประกาศออกมาแล้วคือ THAI ,AAV ,BA และ NOK โดยจะเห็นได้ว่าผลประกอบการของหุ้นกลุ่มดังกล่าวยังมีกำไรลดลง หรือบางบจ.ยังคงมีผลขาดทุน หลังต้นทุนยังคงสูง โดยเฉพาะในเรื่องของค่าน้ำมันเครื่องบิน

อันดับที่ 1 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 มีกำไรสุทธิ 3.16 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.45 บาทต่อหุ้น ลดลง 47.37% จากปีช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 5.99 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 2.75 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่มีกำไรลดลงเนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมลดลง โดยรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแข็งค่าของเงินบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะค่าน้ำมันเครื่องบิน เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้นรวมถึงบริษัทมีการขยายการผลิตทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีค่าซ่อมแซมและบำรุงอากาศยานเพิ่มขึ้น

 

อันดับที่ 2 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 570.32 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.1176 บาทต่อหุ้น ลดลง 43.48% จากปีช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,009.08 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.2081 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวมีกำไรลดลง เนื่องจากต้นทุนต้นทุนขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 1/60 อยู่ที่ระดับ 7,569.21 ล้านบาท เทียบไตรมาส 1/59 อยู่ที่ระดับ 6,467.06 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงค่าบริการในสนามบินและลานจอด ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าเช่าเครื่องบิน รวมถึงค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา เพิ่มขึ้นตามขนาดฝูงบินที่ขยายตัว

อย่างไรก็ตาม นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เปิดเผยว่า ในปีนี้ TAA ยังตั้งเป้าหมายรับเครื่องบินใหม่จนครบ 57 ลำ โดยมีเป้าหมายขนส่งผู้โดยสารที่ 19.5 ล้านคน ด้วยอัตราส่วนขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ที่ 84% ตามแผนที่วางไว้

สำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 TAA ได้เพิ่มเส้นทางบินใหม่ไปแล้ว 1 เส้นทางในตลาด CLMV คือ บินตรงทุกวัน ดอนเมือง-ดานัง (ตอนกลางของประเทศเวียดนาม) เริ่มบินตั้งแต่ 9 มิ.ย.60 รวมทั้งการเพิ่มความถี่บินเส้นทางภายในประเทศอีก 2 เส้นทางคือ ดอนเมือง-ขอนแก่น จาก 4 เป็น 5 เที่ยวบินต่อวัน และดอนเมือง-ร้อยเอ็ด จาก 2 และ 3 เที่ยวบินต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.60 ที่ผ่านมา

“เรายังเชื่อมั่นในแผนการดำเนินงานและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ TAA สามารถเติบโตได้น่าพอใจตามแผนที่วางไว้ โดยในไตรมาสที่ 1 ปี2560 บริษัท TAA มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,150 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,036 ล้านบาท” นายธรรศพลฐ์ กล่าว

 

อันดับที่ 3 บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 มีกำไรสุทธิ 548.37 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.26 บาทต่อหุ้น ลดลง 64.69% จากปีช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.55 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.74 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ของปี 2560 บริษัทมีกำไรลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่รายได้ลดลง

 

อันดับที่ 4 บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุนสุทธิ 295.57 ล้านบาท หรือขาดทุน 0.47 บาทต่อหุ้น จากปีช่วงเดียวกันของปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 405.82 ล้านบาท หรือขาดทุน 0.65 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวพลิกขาดทุนลดลง เนื่องจากรายได้จากค่าโดยสาร และรายได้จากการให้บริการ ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังสูง

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนราคาหุ้น และผลประกอบการของหุ้นกลุ่มสายการบินได้จะเป็นเรื่องของการปลดธงแดง ICAO ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ โดยนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า บมจ.การบินไทย (THAI) ได้รับใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC Re-certification) รวมถึงใบอนุญาตขนส่งวัตถุอันตราย โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เป็นประธานและสักขีพยาน

ส่วนความคืบหน้าในการประเมินสายการบินอื่นๆ ขณะนี้มี 4 สายการบินในกลุ่มแรก อยู่ในขั้นตอนที่ 4 การตรวจสอบภาคปฏิบัติ คือ Thai Smile Airways และ Thai AirAsia X กำลังอยู่ในขั้นตอนที่ 4.1 ซึ่งเป็นการตรวจสำนักงาน ส่วน Nok Air และ NokScoot สามารถเข้าสู่ขั้นตอนที่ 4.2 คือการตรวจสอบภาคอากาศแล้ว ด้านสายการบินในกลุ่มแรกที่กำลังอยู่ในขั้นตอนที่ 3 การตรวจเอกสาร คือ K-Mile Air และ Orient Thai Airlines ซึ่งเป็นขั้นตอนเดียวกันกับอีก 4 สายการบินจากกลุ่มที่ 2 คือ Thai Lion Air, NewGen Airways, Mjets และ Jet Asia  ทั้งนี้ กระบวนการทั้งหมดมี 5 ขั้นตอน

ทั้งนี้ กพท.ได้ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) 33 ข้อมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปรับปรุงทั้งกฎระเบียบ ขั้นตอนการทำงาน คู่มือ Checklist แบบฟอร์มสำคัญ รวมถึงจัดการอบรมที่เหมาะสมให้กับพนักงานและผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนปรับปรุงการตรวจประเมินออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) กำหนด

โดยขณะนี้มีความคืบหน้าในการแก้ไข SSC มากกว่า 75% แล้ว และคาดว่า กพท.จะสามารถยื่นเรื่องเชิญให้ ICAO มาตรวจสอบ ICVM (ICAO Coordinated Validation Mission) เพื่อขอปลดธงแดงได้ภายในเวลาที่กำหนดคือ 30 มิถุนายน 2560 ซึ่งหากสายการบินใดของไทยที่ทำการบินระหว่างประเทศไม่สามารถผ่าน การประเมินได้ภายในเดือนมิถุนายน หลังจากเดือนมิถุนายนไปแล้ว จะต้องหยุดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button