HMPRO กำไร Q1 แตะพันล้าน! ลุ้น Q2 โตต่อเนื่อง

HMPRO กำไร Q1 แตะพันล้าน! ลุ้น Q2 โตต่อเนื่อง รับลุยขยายสาขา-เพิ่มเฮ้าส์แบรนด์ ฟากโบรกฯ เชียร์ "ซื้อ"ให้เป้าสูง-อัพไซต์เพียบ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO หลังประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/60 มีกำไรสุทธิ 1.05 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.79% จากปีก่อนมีกำไร 866.18 ล้านบาท หลังบริษัทปรับเพิ่มสัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์และการควบคุมค่าใช้จ่าย

ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/60 จะเติบโตต่อต่อเนื่อง จากการทยอยเพิ่มสินค้า Direct sourcing ซึ่งมีอัตรากำไรสูงและการขยายสาขาต่อเนื่อง โดยจะทำสูงสุดในไตรมาส 4/60 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดสาขาใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเน้นเปิดในทำเลที่มีกำลังซื้อสูง และปรับเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ เพื่อดันยอดขายและกำไรให้เติบโตอย่างโดดเด่น

ขณะที่ราคาหุ้น HMPRO ล่าสุดปิดตลาดวานนี้ (16 พ.ค.) อยู่ที่ 9.50 บาท ลบ 0.05 บาท หรือ 0.52% มูลค่าซื้อขาย 166.02 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 12.20 บาท อยู่ 28.42%

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” HMPRO ราคาเป้าหมาย 12.20 บาท/หุ้น โดยกำไรไตรมาส 1/60 เติบโตในเกณฑ์ดีตามคาด เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นหลังการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ผลประกอบการมีแนวโน้มดียิ่งขึ้นในไตรมาส 2/60 จากการทยอยเพิ่มสินค้า Direct sourcing ซึ่งมีอัตรากำไรสูงและการขยายสาขาต่อเนื่อง

ทั้งนี้คาดกำไรไตรมาส 2/60 เติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของไตรมาสก่อน และจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น เนื่องจากการทยอยเพิ่มสัดส่วนสินค้า Direct sourcing หลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการปรับปรุงประเภทสินค้าให้มีคุณภาพดีขึ้นซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นและสร้างความแตกต่างจากสินค้าของคู่แข่ง

อีกทั้งมีการเปิด HomePro และสาขามาเลเซีย อย่างละ 1 สาขา (เมื่อเทียบกับปีก่อน HomePro เพิ่มขึ้น 4 สาขา, Mega Home 3 สาขา และ มาเลเซีย 2 สาขา)

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังคงมีความเห็นเชิงบวกต่อ HMPRO โดยกำไรจะถูกผลักดันจากอัตรากำไรสูงขึ้น จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงและสินค้า Direct sourcing รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน อีกทั้งอัตรากำไรของ Mega Home และ สาขามาเลเซีย โดยคาดจะเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นทำให้ได้ประโยชน์จาก Economies of scale ซึ่งคาดว่าจะเปิดสาขามาเลเซีย 3-4 สาขาซึ่งอาจทำให้ผลประกอบการที่มาเลเซียฟื้นตัวมาเป็นคุ้มทุนได้

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” HMPRO ราคาเป้าหมาย 12.00 บาท/หุ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 60 จะอยู่ที่ระดับ 4,675 ล้านบาท เติบโต 13.3% จากปีก่อน ปัจจัยหนุนคือการเปิดสาขาใหม่ในประเทศ เป็นภายใต้แบรนด์โฮมโปร 2-3 สาขา และเมกาโฮม 3-4 สาขา รวมทั้งการเปิดสาขาใหม่ในมาเลเซียอีก  4 สาขา ส่วนสาขาเดิมคาดว่ายอดขายจะเติบโตไม่มาก

นอกจากนี้ การปรับมาขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ให้มีสัดส่วนมากขึ้นจะช่วยดันยอดขายและกำไรปีนี้ได้มาก โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนยอดขาย 20% จากปีก่อนมีสัดส่วน 18.7% โดยในไตรมาส 1/60 ทำได้ 19.1% และคาดว่า 3 ไตรมาสที่เหลือน่าจะทำได้ตามเป้าหมาย และจะช่วยทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 25.8% จาก 25.5% ในปีก่อน

ส่วนแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/60 น่าจะทำกำไรได้ต่อเนื่องไตรมาส 1/60 แต่อาจจะอ่อนตัวลงเพราะเป็น Low Season ของธุรกิจ และจะกลับมาเติบโตทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/60

 

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” HMPRO ราคาเป้าหมาย 11.60 บาท/หุ้น โดยยอดขายสาขาเดิมของ HMPRO จะยังคงอ่อนตัวต่อเนื่องถึงไตรมาส 2/60 หลังยอดขายสาขาเดิมไตรมาส 1/60 ลดลงประมาณ 2.8% เพราะการจับจ่ายในต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้น จึงปรับลดประมาณการยอดขายสาขาเดิมปี 60 เป็นลดลง 0.4% จากเดิมคาดโต 1.9%

แต่อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มจะสูงกว่าคาด ไม่เพียงแต่อัตรากำไรขั้นต้นของสาขาโฮมโปรจะดีขึ้นจากมีการเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ แต่อัตรากำไรขั้นต้นของเมกาโฮมก็ยังจะดีขึ้นอีกด้วย หนุนโดยการประหยัดขนาดและอำนาจการต่อรองที่ดีขึ้น

อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ใหม่ของโฮมโปรยังสูงกว่าสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เดิมอีกด้วย เนื่องจากคอนเส็ปต์สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ใหม่คือการเน้นคุณภาพมากกว่าการเน้นราคาถูก ดังนั้น แม้สัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์จะอยู่ที่ 19% ในไตรมาส 1/60 ซึ่งต่ำกว่าในไตรมาส 1/59 ที่ 19.1% เล็กน้อย แต่อัตรากำไรขั้นต้นของ HMPRO น่าจะสูงกว่าประมาณ 1%

Back to top button