AH ดึงพันธมิตรใหม่เสริมทัพแกร่ง ดันกำไรปีนี้โตกระฉูด!

AH ดึงพันธมิตรใหม่ Sakthi Global Auto Holding (SGAH) ผู้นำผลิตชิ้นส่วนเหล็กเชื่อมเพลาล้อรถยนต์เสริมทัพแกร่ง พร้อมรับส่วนแบ่งกำไรจากดีลเลอร์ฮอนด้าและฮุนได หนุนกำไรปีนี้โตกระฉูด ด้าน โบรกฯ ปรับเพิ่มประมาณการกำไร-อัพเป้าขึ้นแตะ 33 บ. ดันอัพไซต์สูงปรี๊ด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH หลังราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ (29 พ.ค.) โดยราคาปิดตลาดอยู่ที่ 22.70 บาท ปรับตัวขึ้น 0.90 บาท หรือ 4.13% ด้านมูลค่าซื้อขาย 209.69 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 33 บาท อยู่ 45.37%

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นนั้น คาดว่านักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากบริษัทเข้าลงทุนซื้อหุ้น 25.1% ใน Sakthi Global Auto Holding (SGAH) ซึ่งเป็นผู้นำผลิตชิ้นส่วนเหล็กเชื่อมเพลาล้อรถยนต์ รวมทั้งได้รับส่วนแบ่งกำไรจากดีลเลอร์ฮอนด้าและฮุนไดในมาเลเซีย, จีนและไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนกำไรปี 60-61 เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ โบรกฯ จากสำนักต่างๆ ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายและประมาณการกำไรปี 60 เพิ่มขึ้น โดยคาดว่า AH จะได้รับผลดีจากการเข้าซื้อ SGAH โดยจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาวและขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ทั้งนี้ยังมองว่า ยอดขายชิ้นส่วนประกอบในปีนี้จะเติบโตขึ้นตามการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์

โดยนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ AH ให้ราคาเป้าหมาย 33 บาท/หุ้น โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ AH ขึ้น 13% มาอยู่ที่ 710 ล้านบาทสำหรับปี 60 และปรับขึ้นอีก 41% มาอยู่ที่ 960 ล้านบาทสำหรับปี 61 โดยมีปัจจัยในการปรับเพิ่มประมาณการจากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดจากบริษัทย่อย (จากดีลเลอร์ของฮอนด้าและฮุนไดในมาเลเซียและไทย) และผลการลงทุนใหม่ในบริษัท Sakthi Global Auto Holding (SGAH) บริษัทผลิตชิ้นส่วนเหล็กเชื่อมเพลาล้อรถยนต์ (Knukle) ในอินเดีย) เมื่อวันที่ 25 พ.ค.60

ทั้งนี้คาดว่ายอดขายชิ้นส่วนประกอบของ AH ปี 60 จะเติบโตตามกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์คาดที่ 4% ส่วนแบ่งกำไรจากดีลเลอร์ฮอนด้าและฮุนไดในมาเลเซีย, จีนและไทย และการลงทุนซื้อหุ้น 25.1% มูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐใน SGAH น่าจะช่วยหนุนกำไรสุทธิในปีนี้และปีหน้า ดังนั้นจึงปรับเพิ่มประมาณการส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยขึ้น 16% มาอยู่ที่ 336 ล้านบาทในปี 60 และเพิ่มขึ้น 35% มาอยู่ที่ 412 ล้านบาทสำหรับปี 61

อนึ่ง SGAH เป็นบริษัทอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการจ้างผลิตชิ้นส่วนประกอบเหล็กและอลูมิเนียมเชื่อเพลาล้อรถยนต์ ในประเทศอินเดีย มา 3 ทศวรรษ โดยมีลูกค้าเป็นชาวอินเดีย, อเมริกา, โปรตุเกส, จีน และอีกหลากหลายประเทศ โดย AH ถือหุ้น 25.1%  SGAH จะก่อให้เกิดกำไรและโอกาสในการทำธุรกิจกับลูกค้าของ SGAH ในการส่งชิ้นส่วนจากประเทศไทย ทั้งนี้ประมาณการของยังไม่สะท้อนศักยภาพใหม่ๆ ของ AH

ทั้งนี้ AH จะมีการลงทุนโดยรวมอยู่ที่ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (3.5 พันล้านบาท) การลงทุนครึ่งหนึ่งเป็นสัดส่วนการถือหุ้นของ SGAH ที่ 25.1% (ใช้ EBITDA 6.6 เท่า ปี 2559-2560) ส่วนที่เหลือได้แปลงสภาพเป็นสินเชื่อแก่ SGAH (อัตราดอกเบี้ยรายปีอยู่ที่ 20% ในปี 2560-2562) ซึ่งดีลจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปลายเดือน มิ.ย. 60

โดยแหล่งเงินทุนของ AH จะเป็นกระแสเงินสดกิจการ 881 ล้านบาท และการกู้อีก 2.6 พันล้านบาทจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ซึ่งอัตราดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ -2.3% โดยการกู้ยืมจะผลักดันอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิของ AH จากเดิม 0.8 เท่า ณ วันที่ 31 มี.ค. มาอยู่ที่ 1.7 เท่า ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวลดลง 1.6 เท่า ณ สิ้นปี 2561 ขณะที่อัตราดอกเบี้ย 20% ของการจ่ายดอกเบี้ยแก่ SGAH จะหักกลบค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยรายปีพิเศษซึ่งผูกกับแผนการกู้ยืมใหม่อีก 2.6 พันล้านบาทในปี 60-62 โดยคาดว่าบริษัทจะไม่เพิ่มทุนใหม่เพื่อซื้อหุ้นของ SGAH

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ AH ให้ราคาเป้าหมาย 28 บาท/หุ้น จากเดิม 19.80 บาท อิง P/E 11 เท่าพร้อมคาดหวัง Divided Yield ที่ 3.3% และเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่มฯ จากแนวโน้มกำไรที่เติบโตโดดเด่น ส่งผลให้ Forward PER ในปี 60-61 ลดลงเหลือต่ำเพียง 8.5 และ 7.1 เท่า ถูกที่สุดเทียบกับ Peer ในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ

โดยผู้บริหารได้แจ้งต่อนักลงทุนถึงการเข้าลงทุนในบริษัท Sakthi Global Auto Holdings Limited (SGAH) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศอินเดีย โปรตุเกส สหรัฐอเมริกา และจีน มูลค่าเงินลงทุนรวม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,522 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.หุ้นเพิ่มทุนใน SGAH จำนวน 25.1% รวมมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 2.เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์ (Synthetic Convertible Loan) ซึ่งบริษัทเป็นผู้ให้กู้แก่ SGAH มูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ  แหล่งเงินลงทุนที่ใช้จะมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัท 25 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนที่เหลือจำนวน 75 ล้านเหรียญสหรัฐ จะใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยไม่เกิน MLR-2.30% โดยคาดว่าจะดำเนินการลงทุนแล้วเสร็จประมาณกลางเดือน มิ.ย.60

สำหรับกลุ่ม SGAH นั้น โดยหลักเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน หัวต่อแกนล้อ จานเบรก ดรัมเบรก เบรกก้ามปู แขนเพลา และแท่นยึด ส่งให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ เช่น GM, Continental, Maruti Suzuki India, Iljin Automotive และ Ford ซึ่งมีฐานการผลิตกระจายอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศหลักที่มีอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มเติบโตสูงไม่ว่าจะเป็นประเทศอินเดีย จีน หรือสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้มองว่าการเข้าลงทุนของบริษัทในครั้งนี้จะช่วยสร้างการเติบโตในระยะยาว ทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่ผลิตชิ้นส่วนและขายในประเทศไทยเป็นหลัก นอกจากนี้ในอนาคตกลุ่ม SGAH มีแผนเข้าลงทุนร่วมกับ AH ซึ่งเป็นผู้ผลิตโครงช่วงล่างรถกระบะ และชิ้นส่วน Forging ซึ่งจะทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งเรื่องการเพิ่มทักษะและเทคโนโลยีการผลิต ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปสู่ตลาดระดับโลก

ส่วนในแง่ของผลประกอบการ บริษัทจะได้รับประโยชน์จากเงื่อนไขการลงทุนที่ค่อนข้างรัดกุม กล่าวคือ นอกจากจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามสัดส่วน 25.1% คาดไม่น้อยกว่า 118 ล้านบาทต่อปี และยังจะได้ดอกเบี้ยรับ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เป็นเวลา 3 ปี โดยคาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นไม่มาก คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยราว 4.3-4.4% ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมี Net D/E หลังเข้าทำรายการที่ 0.73 เท่าต่ำกว่าเพดานที่ไม่เกิน 2 เท่า

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาประกอบกับความสามารถในการทำกำไรของ AH เองที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จากแผนการควบคุมต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 60 ขึ้นจากเดิม 42.2% อยู่ที่ 824 ล้านบาท เติบโต 51.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มเป็น 991 ล้านบาท เติบโต 20.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 61

 

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ AH ให้ราคาเป้าหมาย 25 บาท/หุ้น จากเดิม 22.60 บาท โดยแผนลงทุนซื้อหุ้น 25.1% ของทุนชำระแล้วใน Sakthi Global Auto Holdings Limited (SAGUSA) ซึ่งเป็น Holding Company ถือหุ้น 76.0% ใน Sakthi Auto Component (SACL) และถือหุ้น 100.0% ใน Sakthi Automotive Group USA, Inc. เพื่อรุกตลาดยานยนต์ในยุโรปอเมริกาอินเดียและจีน ซึ่งมองเป็นดีลที่ก่อให้เกิดผลดีในหลายด้านจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรโดยคาดปี 60-61 กำไรปกติจะโตเฉลี่ยปีละ 13.4% ผนวกกับมี Upside 14.7% และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ราว4.6%

ทั้งนี้ช่วงไตรมาส 1/60 พบว่า AH มี Total Debt to Equity อยู่ที่ 0.75 เท่าและ Interest Bearing Debt to Equity อยู่ที่ 0.36 เท่า โดยหากรวมเงินกู้ก้อนใหม่จะทำให้มี Total Debt to Equity เพิ่มเป็น 1.15 เท่าและ Interest Bearing Debt to Equity เพิ่มเป็น 0.77 เท่า อีกทั้งปี 60-61 คาดจะมีกระแสเงินสดดำเนินงาน (CFO) เฉลี่ยปีละกว่า 1.47 พันล้านบาท จึงนับได้ว่า AH ยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่งมาก ดังนั้นผู้ถือหุ้นจึงยังไม่ต้องกังวลเรื่องการเพิ่มทุนแต่อย่างใด

Back to top button