เสริฟ 19 หุ้น”อาหาร-เครื่องดื่ม”จานเด็ด! งบฯ Q1 ซดกำไรล้วนๆ
เสริฟ 19 หุ้น“อาหาร-เครื่องดื่ม”จานเด็ด! งบฯ Q1 ซดกำไรล้วนๆ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) งวดไตรมาส 1/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
โดยการสำรวจครั้งนี้ได้คัดเลือกเฉพาะบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นหลักโดยหุ้นที่มีกำไรเพิ่มขึ้นมีทั้งหมด 19 ตัว ได้แก่ ASIAN,KTIS,BRR,OISHI, CM, SSF, APURE, M,SAUCE,PM,TU,LST,TIPCO, HTC,MALEE,TF,PR,TKN และ CPF
อย่างไรก็ตามการเสนอข้อมูลหุ้นที่มีกำไรไม่สามาถนำมาเสนอได้ครบทุกตัว ดังนั้นครั้งนี้จึงขอนำเสนอข้อมูลบริษัทจดทะเบียน 5 อันดับแรกมาประกอบการลงทุนเท่านั้น
อันดับ1 บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ดำเนินธุรกิจประเภทอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำแช่แข็ง จำหน่าย และส่งออก ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท อันได้แก่ TCC SAKURA และ ASIAN SEAFOODS และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า
โดยบริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 105.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 880.19% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน 10.80 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้น 25% หลังจากปริมาณการขายอาหารสัตว์และอาหารสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์กุ้งและหมึก
อันดับ 2 บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจน้ำตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจรที่เกี่ยวกับผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลทราย ได้แก่ โรงงานผลิตเอทานอล โรงงานผลิตเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย โรงไฟฟ้าชีวมวล และปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ด
โดยบริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 412.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 729.77% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน 49.65 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนการขายและบริการลดลง เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง ขณะที่บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
บริษัทมั่นใจในปีนี้กำไรจะทำสถิตสูงสุดตามปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่มขึ้น และผลตอบแทน (yield) จากผลผลิตน้ำตาลสูงขึ้น โดยคาดว่ารายได้จะทะลุ 2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 1.5 หมื่นล้านบาท ตามภาพรวมธุรกิจน้ำตาลที่ปรับตัวดีขึ้น โดยขณะนี้บริษัทได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าผลผลิตในสัดส่วน 85% ที่ราคา 19.5 เซนต์/ปอนด์ไปแล้ว
อันดับ 3 บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR บริษัทดำเนินธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยลงทุนในบริษัทย่อยที่ถือหุ้นร้อยละ 100 จำนวน 5 บริษัทที่มีธุรกิจหลักเป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้แก่ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย 2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล 3) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ โดยบริษัท ปุ๋ยตรากุญแจ จำกัด และ 4) ธุรกิจสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา
โดยบริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 397.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 221.03% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน 123.73 ล้านบาท เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลก อันเป็นผลมาจากภาวะภัยแล้งในประเทศผู้ผลิตสำคัญ ทำให้รายได้จากการส่งออกน้ำตาลปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน
บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตราว 30% จากปีก่อนทำได้ 4,685.53 ล้านบาท โดยคาดปริมาณอ้อยเข้าหีบฤดูการผลิตปี 59/60 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.2 ล้านตัน และจะมีผลผลิตน้ำตาลประมาณ 251,696 ตัน
ขณะที่ตั้งเป้าฤดูการผลิตปี 60/61 จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่มขึ้นมาที่ 2.8 ล้านตัน และได้ผลผลิตน้ำตาลประมาณ 322,000 ตัน และคาดปริมาณอ้อยเข้าหีบจะแตะ 3 ล้านตันในปี 61/62 โดยจะได้ผลผลิตน้ำตาลราว 345,000 ตัน
อันดับ 4 บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นบริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 418.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.75% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน 291.37 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ขายเพิ่มขึ้น
อันดับ 5 บริษัท เชียงใหม่โฟรเซ่นฟู้ดส์ จำกัด(มหาชน) หรือ CM ผลิตและส่งออก ผักแปรรูปแช่แข็ง เช่น ถั่วแขกแช่แข็ง, ถั่วแระแช่แข็ง,ข้าวโพดหวานแช่แข็ง, ข้าวโพดฝักอ่อนแช่แข็ง และ ผักผสมแช่แข็ง
โดยบริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 46.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.66% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน 32.94 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ขายเพิ่มขึ้น
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม หลายบริษัทผลประกอบการย่ำแย่ จากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้เห็นการฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปัจจุบันไทยส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารเฉลี่ยปีละ 800,000 ล้านบาท และปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 26,538 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 9 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เพียง 5% เพราะประเทศคู่ค้ามีความเชื่อมั่นในสินค้าไทยมากขึ้น จากการที่ไทยมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร และมีการคุ้มครองแรงงาน
ส่วนนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า ไทยสามารถส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังประเทศต่างๆ มากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก มีมูลค่ากว่า 800,000 ล้านบาท และมีสินค้าอาหารของไทยที่อยู่ใน 5 อันดับแรกในตลาดโลก ได้แก่ ข้าว ไก่แปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และสิ่งปรุงรสอาหาร ซึ่งกระทรวงฯ จะเร่งเดินหน้าและพัฒนาศักยภาพในอุตสาหกรรมอาหารของไทยต่อไป เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นครัวของโลกตามนโยบายรัฐบาล โดยที่ผ่านมาได้เพิ่มความสามารถให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง และมีแผนผลักดันให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการผลิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วย
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน