เปิด 7 หุ้น mai เล่นไม่เลิก! 5 เดือนฟันรีเทิร์นเกิน 50%

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 5 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-31 พ.ค.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเกิน 50%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 5 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-31 พ.ค.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเกิน 50% เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้มีผลตอบแทนโดดเด่นและมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมี 7 ตัว ด้วยกันคือ CCN,THANA,MOONG, UKEM,OTO,HTECH และ AF

 

อันดับ 1 บริษัท ซีซีเอ็น-เทค จำกัด (มหาชน) หรือ CCN  ทำธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่ 1.ธุรกิจจำหน่าย และวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ครอบคลุมการบริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง อบรม ดูแลบำรุงรักษาระบบงาน จัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบเบ็ดเสร็จ 2. ธุรกิจให้เช่าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรให้ได้หลากหลายมากขึ้นโดยมีระยะเวลาสัญญา 1-10 ปี 3.ธุรกิจติดตั้งระบบโทรคมนาคม

ราคาหุ้นตลอด 5 เดือนที่ผ่านปรับตัวแรง 202.40% มาอยู่ที่ระดับ 10.10 บาท (31 พ.ค.60) บวก 6.76 บาท จากระดับ 3.34 บาท (30 ธ.ค. 59) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรเนื่องจากหุ้นมีราคาถูก ขณะเดียวกันหุ้นไม่มีปัจจัยมาสนับสนุนราคา ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมาหุ้นรายนี้เข้าไปติด Cash Balance จนถึงล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขยายช่วงดำเนินการ CCN และ CCN-W1 เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 1 : Cash Balance มีผล 29 พ.ค.60 สิ้นสุด 16 มิ.ย.60

 

อันดับ 2 บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรรพร้อมที่ดินเพื่อขาย เน้นการพัฒนาโครงการในเขตปริมณฑล และสำหรับบริษัทย่อย เน้นการพัฒนาโครงการในส่วนภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะพัฒนาโครงการในขนาดไม่ใหญ่มากนัก

ราคาหุ้นตลอด 5 เดือนที่ผ่านปรับตัวขึ้น120.69% มาอยู่ที่ระดับ 3.84 บาท (31 พ.ค.60) บวก 2.10 บาท จากระดับ 1.74 บาท (30 ธ.ค. 59)  เนื่องจากแผนงานธุรกิจเริ่มสดใส เห็นได้จาปีนี้มีแผนเปิด 2 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 995 ล้านบาท ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 ออกมาสดใส มีกำไรสุทธิ 16.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 159.35% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6.40 ล้านบาท

โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ราว 900-1,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อน ขณะที่ยอดขายในปีนี้คาดว่าจะทำได้ราว 1,000-1,100 ล้านบาท ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา

 

อันดับ 3 บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MOONG ราคาหุ้นตลอด 5 เดือนปรับตัวขึ้น 63.54% มาอยู่ที่ระดับ 7.85 บาท (31 พ.ค.60) บวก 3.05 บาท จากระดับ 4.80 บาท (30 ธ.ค. 59) คาดเป็นการเก็งกำไรทางเทคนิคหลังหุ้นเป็นขาลงมานาน ประกอบกับผลกำไรที่มีต่อเนื่องทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาอีกทาง

นอกจากนี้นักวิเคราะห์มองว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดีราคาถูกมากที่นักลงทุนไม่มองมานานแรมปี เนื่องจากธุรกิจของบริษัทมีผลิตภัณฑ์แม่และเด็กมากมาย ยี่ห้อเด่น เช่น Pigeon ที่ใครๆ จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารพบว่าปี 60 นี้แนวโน้มกำไรจะทุบสถิติ อีกทั้งตั้งเป้าขายสินค้าแบบ E-Commerce จึงน่าจะมีอะไรดีๆ อีกเพียบ  ยิ่งเป็นแรงหนุนให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรอย่างหนาแน่น

 

อันดับ 4 บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ UKEM ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ โดยสินค้าประกอบด้วยสารทำละลาย (Solvents) ซึ่งเป็นสินค้าที่จำหน่ายทั่วไป (Commodity Solvent) สำหรับใช้เป็นสารทำละลายซึ่งเป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ

ราคาหุ้นตลอด 5 เดือนปรับตัวขึ้น 557.35% มาอยู่ที่ระดับ 2.14 บาท (31 พ.ค.60) บวก 0.68 บาท จากระดับ 1.36บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวแรงช่วง5 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากหุ้นมีพื้นฐานแข็งแกร่งเห็นได้จากผลประกอบที่มีกำไรอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมานักวิเคราะห์แนะให้เข้าลงทุนยิ่งเป็นแรงหนุนให้หุ้นขึ้นแรง

อีกทั้งนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร หลังบริษัทขายหุ้น GIFT จำนวน 10,000,000 หุ้น หรือ คิดเป็น 3.3% ราคาหุ้นละ 4.50 บาท ให้กับ TEMPLETON ASSET MANAGEMENT LTD. จำนวน 8,000,000 หุ้น และนักลงทุนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการจำนวน 2,000,000 หุ้น อีกทั้งบริษัทประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 มีกำไร 42.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.51% จากปีก่อน 19.23 ลบ.  ยิ่งทำให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นตลอดช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา

 

อันดับ 5 บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ราคาหุ้นตลอด 5 เดือนปรับตัวขึ้นแรง 51.96% มาอยู่ที่ระดับ 7.75 บาท (31 พ.ค.60) บวก 2.65 บาท จากระดับ 5.10 บาท (30 ธ.ค. 59) เนื่องจากบริษัททำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นพื้นฐานให้นักลงทุนเชื่อมั่น อีกทั้งบริษัทมีงานเข้ามาต่อเนื่อง อาทิ OTO ได้งานบริหารศูนย์ดูแลลูกค้า3โครงการ มูลค่ารวม 66.40 ล้านบาท และได้รับงานในการว่าจ้างจากธนาคารออมสิน มูลค่ารวม 60 ล้าน ทำให้ธุรกิจโดดเด่นและเป็นแรงหนุนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุน

บริษัทตั้งเป้ารายได้ในอีก 4 ปีข้างหน้าจะเติบโตแตะ 2.5 พันล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 1.3 พันล้านบาท จากปัจจุบันมีงานในมือแล้วกว่า 900 ล้านบาท และคาดจะได้รับงานใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 400 ล้านบาท จากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น กลุ่มสายการบิน ธนาคาร โรงพยาบาล ธุรกิจประกัน เป็นต้น

 

อันดับ 6 บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH ราคาหุ้นตลอด 5 เดือนปรับตัวขึ้น 50.91% มาอยู่ที่ระดับ 8.30 บาท (31พ.ค.60) บวก 2.80 บาท จากระดับ 5.50 บาท (30 ธ.ค. 59) เนื่องจากมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนหลายทาง อาทิ การแจ้งงบปี 2559 ออดมาสดใส และแผนการย้ายเข้าตลาดฯ SET นอกจากนี้กำไรไตรมาส1/60 เพิ่มขึ้น 81% มาที่ 38.17 ลบ. จากปีก่อน 21.07 ล้านบาท

อีกทั้งการโชว์แผนงานปี 60 ที่ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 8-10% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นจากลูกค้าในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) ขณะที่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในต่างประเทศมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวโดดเด่น

 

อันดับ 7 บริษัท ไอร่า แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AF ประกอบธุรกิจแฟคตอริ่งภายในประเทศเป็นหลัก บริษัทเป็นผู้ให้บริการเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นโดยการรับซื้อลดลูกหนี้การค้าจากการรับโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินลูกค้าของบริษัทดำเนินธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) อุตสาหกรรมชิ้นส่วนไฟฟ้า อิเลคทรอนิกส์ โทรคมนาคม และธุรกิจเกี่ยวกับความงาม เป็นต้น

ราคาหุ้นตลอด 5 เดือนปรับตัวขึ้นแรง 50.91% มาอยู่ที่ระดับ 0.83 บาท (31 พ.ค.60) บวก 0.28 บาท จากระดับ 0.55 บาท (30 ธ.ค. 59) เนื่องจากหุ้นมีราคาถูกและง่ายต่อการดันราคา ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคหุ้นเป็นขาขึ้นยิ่งทำให้นักลงทุนเข้ามาเล่นเก็งกำไรอีกทาง

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button