ชี้เป้า 17 หุ้นเด่นน่าเก็บ! เน้นงบฯ Q2 โตแรง แถมมีอัพไซด์

เข้าสู่โค้งสุดท้ายไตรมาส 2/60 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์”ทำการรวมรวบหุ้นที่คาดว่าจะมีผลงานโดดเด่น และมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกมานำเสนอ โดยหุ้นที่คาดว่าจะมีผลงานโดดเด่น อาทิ ASIAN, BPP, BR, ORI, EA, MTLS, IHL, SYNTEC, PT, ECL, IRPC, TISCO, WORK, TOP, SPALI, IVL และ IT โดยการรวบรวมหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้อาศัยข้อมูลจากบทวิเคราะห์โบรกเกอร์หลายแห่งได้แก่ บล.กรุงศรี,บล.ธนชาต,บล.ไอร่า,บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส,บล.บัวหลวง,บล.โนมูระ พัฒนสิน และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซึ่งระบุไว้ดังนี้

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SET Index คาดจะเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางขึ้น ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่กลับมาฟื้นตัวจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มการเงิน ส่วนหุ้น Mid Small Cap ยังเน้นเก็งกำไรในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/60 จะออกมาดี อาทิ ASIAN BPP BR ORI EA MTLS IHL SYNTEC PT และ ECL

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทิศทางตลาดยังมีความผันผวน คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ แต่อาจเป็นไปอย่างจำกัด หลังธนาคารกลางหลายประเทศ เช่น FED, BOE และ ECB เป็นต้น ส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงทยอยลดวงเงิน QE ซึ่งคาดเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมตลาด

นอกจากนี้คาดยังคงมีความกังวล โดยเฉพาะความไม่แน่นอนการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมการปฏิรูปภาษีของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งตลาดคาดหมายในเชิงบวกก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม คาดอาจมีแรงเก็งกำไรกลับเข้ามาในกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมัน ที่ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังก่อนหน้านี้ลดลงไปอยู่ที่ ประมาณ 42.50USD โดยล่าสุด อยู่ที่ 44.74USD  แต่คาดภาพรวมยังคงมีความกังวลต่อภาวะอุปทานที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก

ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาด Sentiment ในระยะสั้น จากการกลับเข้ามาซื้อสุทธิของต่างชาติ อีกเกือบ 1,000 ล้านบาท แต่แนะระวังแรงขายทำกำไร หลังอยู่ในช่วงท้ายๆ ของการทำ Window Dressing (30/6/60) อย่างไรก็ตามคาดเริ่มมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/60 โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคาร ประมาณกลางเดือนก.ค. ขณะที่คาดกลุ่มหุ้นที่

ผลประกอบการไตรมาส 2/60 ดีต่อเนื่อง เช่น TOP, SPALI , MTLS และ WORK เป็นต้น พร้อมแนะติดตามการประชุม กนง. (5/7/60)

 

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BR จะเห็นการฟื้นตัวอย่างโดดเด่นของ BR ในไตรมาส2/60  หนุนโดยกำลังการผลิตในเนเธอแลนด์ที่กลับมารันได้เต็มที่ รวมถึงราคาเป็ดในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้นราว 3-5% อันเป็นผลมาจากอุปทานที่หายไปบางส่วนหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในยุโรป ซึ่งคู่แข่งของ BR ไม่ว่าจะเป็นฮังการีและโปแลนด์ต่างได้รับผลกระทบมากกว่าในเนเธอแลนด์

สำหรับภาพระยะยาวบริษัทมีความพยายามที่จะสร้างตลาดใหม่ในผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม (อัตรากำไรขั้นต้นสูง) ซึ่งจะโรงงานจะเริ่มดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/60 ประเมินว่าหากโรงงานดำเนินการได้ตามที่คาดหวังจะเป็น Upside ต่อประมารการกำไรปีนี้ราว 2% และปี 2018 ที่ 10% มีการปรับราคาเป้าหมายไป ณ สิ้นปี 2018 ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 8.30 บาท สะท้อนผลกระทบของโรงงานใหม่เต็มปียังคงคำแนะนำซื้อ

 

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า MTLS การเติบโตแกร่ง คาดไตรมาส 2/60  โตราว 80% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินเชื่อสาขาเดิมขยายตัวและเปิดสาขาใหม่ และการเข้าคำนวณใน SET50 ทำให้นักลงทุนสถาบันสนใจเข้าซื้อมากขึ้น NPL ratio ต่ำที่ 1.1% ในสิ้นมี.ค.60 คาด EPS ปี 60-62 โตเฉลี่ย 39% ต่อปี แนะซื้อให้ราคาเป้าหมาย 42 บาท

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BR จะเห็นการฟื้นตัวอย่างโดดเด่นของ BR ในไตรมาส 2/60  หนุนโดยกำลังการผลิตในเนเธอแลนด์ที่กลับมารันได้เต็มที่ รวมถึงราคาเป็ดในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้นราว 3-5% อันเป็นผลมาจากอุปทานที่หายไปบางส่วนหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในยุโรป ซึ่งคู่แข่งของ BR ไม่ว่าจะเป็นฮังการีและโปแลนด์ต่างได้รับผลกระทบมากกว่าในเนเธอแลนด์

สำหรับภาพระยะยาวบริษัทมีความพยายามที่จะสร้างตลาดใหม่ในผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม (อัตรากำไรขั้นต้นสูง) ซึ่งจะโรงงานจะเริ่มดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/60 ประเมินว่าหากโรงงานดำเนินการได้ตามที่คาดหวังจะเป็น Upside ต่อประมารการกำไรปีนี้ราว 2% และปี 2018 ที่ 10% มีการปรับราคาเป้าหมายไป ณ สิ้นปี 2018 ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 8.30 บาท สะท้อนผลกระทบของโรงงานใหม่เต็มปียังคงคำแนะนำซื้อ

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 2/60 จะแข็งแกร่ง และถูกเพิ่มใน SET50/100 ต้นเดือนกรกฏาคม โดยแนะนำ “ซื้อ”ได้แก่ EA,MTLS,TISCO,WORK และ IRPC

EA  (เริ่มผลิตไฟฟ้าหาดกังหัน#2 ตั้งแต่ต้น มิ.ย. ธุรกิจ power storage หนุนการเติบโตระยะยาว

MTLS (เร่งขยายสาขาหนุนสินเชื่อ ต้นทุนการเงินต่ำจากแนวโน้มดอกเบี้ยขึ้นช้า)

TISCO (สินเชื่อรถยนต์ฟื้นตัว ได้ผลดีจากดอกเบี้ยตำ)

WORK (rating ที่ดีหนุนการปรับค่าโฆษณา)

ส่วน IRPC แนะนำซื้อด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 7.0 บาท   จาก 1) คาดกำไรไตรมาส 2/60 แข็งแกร่ง หลังปิดซ่อมโรงกลั่นใน ไตรมาส1/60 และจะแข็งแกร่งต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีจากการรับรู้ผลจาก UHV เต็มปี 2) กำไรเติบโตสูง +32% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน  ปีนี้ อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท 3) ค่าการกลั่นทรงตัวในระดับสูง US$6-7/bbl ในปัจจุบันหนุนธุรกิจโรงกลั่น ขณะที่ Spead ปิโตรฯ ยังแข็งแกร่ง และ 4) PE 8.9x และ Divie yiel 5.6% ยังไม่สูง

 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า IVL (BUY, TP42) คาดไตรมาส 2/60 เด่นสุดในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี จากแรงหนุนอัตรากำไร PTA ในภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้ PET ปรับตัวเพิ่มขึ้น ล่าสุด อัตรากำไร PTA และ PET ในตลาดเอเชียเฉลี่ยไตรมาส2/60  อยู่ที่ 101 เหรียญฯต่อตัน +5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน +4%เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 123 เหรียญฯต่อตัน flatเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน +8% เทียบไตรมาสก่อนหน้า ตามลำดับ

ขณะที่ อัตรากำไร PTA ทวีปยุโรปทรงตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เทียบไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับ อัตรากำไร MEG สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเป็น 596 เหรียญฯต่อตัน  +12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน -6%เทียบไตรมาสก่อนหน้า ประเมิน Core EBITDA margin (ไม่รวมผลกระทบสต๊อกสินค้า) ที่ 102 เหรียญฯต่อตัน +8%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน +2%เทียบไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเรามองว่าผลประกอบการในไตรมาสนี้ของ IVL เติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่ม (จะทำ Preview อย่างเป็นทางการ หลังจากสิ้นไตรมาส 2Q17)

ปัจจุบันการก่อสร้างโครงการ PTA Expansion ซึ่งมีกำลังการผลิต 320KTA แล้วเสร็จ 95% คาดว่าจะเริ่ม COD ได้ในช่วงไตรมาส3/60F โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต PTA และ PTA อีกทั้งช่วยประหยุดต้นทุนได้ ราว US$300 /ton ประกอบกันอัตรากำไร PTA ในทวีปยุโรปสูงกว่าทวีปเอเซีย เป็นแรงผลักดันผลการดำเนินงาน 2H17 เราประเมินมูลค่าส่วนเพิ่มไว้ที่ 1.44 บาทต่อหุ้น (รวมในราคาเป้าหมายแล้ว) อิงสมมติฐาน (1) อัตราผลิต 85% (2) อัตรากำไร PTA 215 เหรียญฯต่อตัน (3) ต้นทุนต่อหน่วยลดลง 300/ton (4) อัตราภาษี 20%

ประเมิน IVL จะมี Earning Growth ปี 17 ที่โดดเด่น ราว 47%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ทิศทางธุรกิจปิโตรเคมีในภาพรวมอ่อนแอ แต่เราเชื่อว่า IVL สามารถรักษาระดับ Core EBITDA margin ไว้ที่US$98-100/ton +8%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากโครงการธุรกิจ Upstream-Downstream ที่แข็งแกร่ง และการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์พิเศษ HVA ในกลุ่มยานยนต์

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้น IT ปรับราคาเป้าหมายปี 60 ขึ้นเป็น 5 บาท จาก 4.70 บาท จากการปรับกำไรขึ้น 7% เป็นโต 215% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนกำไรต่อหุ้นจะโตถึง 285% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากผลการซื้อหุ้นคืน 63 ล้านหุ้นเหลือ 286 ล้านหุ้น

คาดกำไรไตรมาส 2/60 โตแรง 106% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 13 ลบ. จากการขยายสาขา IT City Mobile, การจัดโปรโมชั่นร่วมกับ Mobile Operator, และยอดขายการ์ดจอที่เพิ่มเร็วตามกระแสขุดบิทคอยน์

ที่น่าสนใจคือ ถ้ากำไรไตรมาส2/60 เป็นตามคาด จะเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่งบพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร แต่ราคาหุ้นกลับยังไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ และ PBV ปัจจุบันยังต่ำเพียง 1.1 เท่า เทียบกลุ่มที่ 3.1 เท่า จึงแนะนำซื้อ

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน