TTA ปักธงเทิร์นอะราวด์ในรอบ 2 ปี รับดัชนี BDI ฟื้นตัวรอบใหม่!
TTA ปักธงเทิร์นอะราวด์ในรอบ 2 ปี รับดัชนีค่าระวางเรือ BDI ฟื้นตัวรอบใหม่ ฟากโบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" ให้เป้าสูง อัพไซด์ยังเหลือเพียบ!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA หลังดัชนีค่าระวางเรือ BDI ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.60 ดัชนี BDI ปิดที่ 929 จุด เพิ่มขึ้น 26 จุด หรือ 2.88% จึงมองว่าการฟื้นตัวของดัชนีค่าระวางเรือ BDI ในรอบนี้จะส่งผลบวกต่อ TTA
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ผลประกอบการของ TTA ในปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไร หลังจากที่ขาดทุนติดต่อกันมาเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของดัชนีค่าระวางเรือรอบใหม่ อีกทั้งยังเข้าสู่ฤดูกาลนำเข้าถ่านหินและแร่เหล็กของจีน ดังนั้นจึงมองว่าปัจจัยข้างต้นจะส่งผลให้ผลประกอบการในปีนี้ของ TTA จะพลิกกลับมามีกำไรได้
ด้านราคาหุ้น TTA ปิดตลาดวานนี้ (29 มิ.ย.) อยู่ที่ 9.05 บาท ลบ 0.20 บาท หรือ 2.16% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 44.04 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 11.30 บาท อยู่ 24.86%
โดย นายจิเทนเดอร์ พอล เวอร์มา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัการใหญ่อาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน TTA เปิดเผยว่า บริษัทคาดปีนี้จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ จากปีก่อนขาดทุนสุทธิที่ 418.29 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกมีกำไรสุทธิแล้วราว 87.22 ล้านบาท จากอัตราค่าระวางเรือที่ปรับตัวดีขึ้น และยังมีโอกาสปรับสูงขึ้นได้อีกตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป จากปีก่อนมีอัตราอยู่ที่ 5,200 เหรียญ/ลำ/วัน และในไตรมาส 1/60 ปรับขึ้นมาที่ 7,015 เหรียญ/ลำ/วัน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนซื้อเรือเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อปลดระวางเรือที่มีอายุ 20-25 ปี โดยปัจจุบันมีเรือที่มีอายุถึงเกณฑ์ขายออกจำนวน 3 ลำ โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ซื้อเรือ Supramax ขนาดเฉลี่ย 54,170 เดทเวทตัน จำนวน 1 ลำ ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีกองเรือทั้งสิ้นจำนวน 20 ลำ ซึ่งมั่นใจว่าจากการปรับกองเรือให้ทันสมัยจะสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้
นอกจากนี้ แนวโน้มธุรกิจของบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้ว่าสถานการณ์ในตลาดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยังคงผันผวน และอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือลดลง แต่ธุรกิจของกลุ่มเมอร์เมดยังคงทำกำไรสุทธิได้ในไตรมาสแรก และมองโอกาสจะได้รับงานเพิ่มขึ้นอีกในช่วงต่อไป โดยเฉพาะหากภาครัฐเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมทั้งแหล่งบงกชและเอราวัณ
ส่วนธุรกิจของ บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA ได้ขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้นทั้งแอฟริกาและฟิลิปปินส์ ขณะเดียวกันการเช่าพื้นที่โรงงานยังคงอยุ่ในระดับสูง เป็นผลให้อัตราการใช้ประโยชน์ของพื้นที่โรงงานให้เช่าอยู่ในระดับ 100% ด้าน บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS ตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหินปีนี้ไว้ที่ 2 แสนตัน โดยมองว่าผลการดำเนินงานยังน่าจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจอาหาร ที่บริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด หรือ PHC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้น 70% เข้าทำสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ในกิจการพิซซ่า ฮัทในประเทศไทย จะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/60 ซึ่งบริษัทเตรียมขยายสาขาเพิ่มอีก 100 สาขา ภายใน 4-5 ปีนี้
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังคงมองการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน และธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงธุรกิจไลฟ์สไตล์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรจำนวนหลายราย คาดว่าในปีนี้น่าจะมีโอกาสเห็นความชัดเจนได้ โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมืออยู่ราว 10,000 ล้านบาทเพียงพอต่อการขยายการลงทุน
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ (วานนี้ 29 มิ.ย.) แนะนำ “ซื้อ” TTA ด้วยราคาเป้าหมาย 11.30 บาท/หุ้น โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ค่าระวางเรือจะฟื้นตัวดีขึ้น และผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้มาแล้ว (ล่าสุด BDI Index ปรับขึ้น 45% จากปีก่อน) หลังปัญหา Oversupply ลดลงจากการปลดระวางเรือที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเข้าสู่ฤดูกาลนำเข้าถ่านหินและแร่เหล็กของจีน จึงคาดหนุนปี 60 ให้ TTA พลิกมีกำไรได้ในรอบ 2 ปี
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน