เปิดกลยุทธ์เดือนก.ค. เน้น 15 หุ้นใหญ่-กลางกำไรQ2แกร่ง!

จัดกลยุทธ์เด็ดลงทุนเดือนก.ค. ชู 15 หุ้นขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่งในครึ่งปีหลังของปี 60 และหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยสนับสนุนแบบ bottom-up


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจข้อมูลกลยุทธ์การลงทุนประจำเดือน ก.ค.60 จากบทวิเคราะห์ โดยพบว่าส่วนใหญ่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นทะลุ 1,600 จุด รับแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/60 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)

ขณะที่แนะนำลงทุนหุ้นที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว โดยเฉพาะหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/60 จะโดดเด่น หุ้นเด่นในเดือนนี้ อาทิ AOT, KBANK, BCPG, MONO, AP, SEAFCO ,STEC ,PYLON ,MTLS ,MEGA ,KKP ,LH ,PSH ,ADVANC และCK

โดย นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่าดัชนี SET จะแกว่งตัวขึ้น (sideways up) ในเดือนกรกฎาคม และมีความเป็นไปได้ที่จะทะลุระดับทางจิตวิทยาที่ 1,600 จุดได้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของเดือน ปัจจัยภายนอกน่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และส่งผลกระทบกับหุ้นไทยน้อยลง

ขณะที่ปัจจัยมหภาคภายในประเทศน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญในเดือนกรกฎาคมได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 2/60 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งหากออกมาดีเกินคาดก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจของนักลงทุนต่อภาวะในภาคธนาคารและภาวะเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง และการปรับเพิ่มประมาณการ GDP ปี 2560 ของหน่วยงานทางการที่น่าจะยังมีต่อเนื่อง

ทั้งนี้ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศ ในพอร์ตหุ้นเดือนกรกฎาคมของเรา ผสานกับธีมหุ้นงบไตรมาสสองโดดเด่น และหุ้นที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว หุ้นเด่นในเดือนนี้ได้แก่ AOT, KBANK, BCPG, MONO, AP, SEAFCO และ STEC

โดยคาดว่าประเด็นการลงทุนในเดือนนี้ของเราคือ นักลงทุนจะโยกมาถือหุ้น domestic play ซึ่งน่าจะเห็นการปรับตัวที่ชัดเจนมากขึ้นเมื่อตลาดเห็นงบไตรมาส 2/60 ของกลุ่มธนาคารแล้ว เรามองว่าโมเมนตั้มที่แข็งแกร่งในปัจจุบันของเศรษฐกิจมหภาคของไทย บวกกับความคาดหวังของตลาดว่าธุรกิจในประเทศบางกลุ่มจะฟื้นตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 60 ซึ่งน่าจะช่วยชดเชยผลประกอบการไตรมาส 2/60 ที่อ่อนแอของกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่เกิดจากผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันได้

หุ้นเด่นเดือนกรกฎาคม หุ้นขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่งในครึ่งปีหลังของปี 60 และหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยสนับสนุนแบบ bottom-up

โดยในเดือนกรกฎาคมจะเน้นประเด็นการลงทุน ในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลังของปี 60 ตามภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่หุ้นรายตัวที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/60 จะออกมาแข็งแกร่ง และหุ้น domestic play ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้างซึ่งเราคาดว่าทั้งสองกลุ่มนี้จะมีกระแสข่าวดีมาช่วยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น

 

ด้าน บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ สำหรับภาพการเคลื่อนไหวของ SET ในเดือน ก.ค. นี้ ต้องระวังการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 โดยในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน กลุ่มธนาคารจะเริ่มทำการ Earning Preview ด้วยแนวโน้มผลประกอบการที่จะอ่อนลงทั้งจากไตรมาสก่อน และจากปีก่อน (คาดกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 2/60 ของธนาคารฯ 8 แห่งที่ KS Research ออกบทวิเคราะห์จะอยู่ที่ 39.2 พันล้านบาทลดลง 2.3% จากปีก่อน และ 4.8% จากไตรมาสก่อน)

ถัดจากนั้นภาค Real Sector อื่นๆทั้ง วัสดุก่อสร้าง พลังงาน ปิโตรเคมี คาดว่าส่วนใหญ่จะมีผลประกอบการหดตัวลงจากไตรมาสก่อนและจากปีก่อน เช่นกัน ทั้งหมดจะเป็นตัวกดดันทำให้ SET Index มีโอกาสซึมลงต่อเนื่องได้

สำหรับกลุ่มรับเหมาฯมีโอกาสฟื้น จากความคาดหวังในการออก ม.44 เพื่อแก้ปัญหา พ.ร.ก.ต่างด้าว : วันนี้ติดตามการประชุมคณะกรรมการ นโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (กนร.) คาดว่าจะมีการสรุปปัญหาของการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารจัดการของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560

โดยมีความเป็นไปได้ที่เสนอให้นายกรัฐมนตรีประกาศใช้มาตรา 44 ชะลอหรือเลื่อนการบังคับใช้บางมาตราที่มีบทลงโทษรุนแรงไปก่อน ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาเตรียมตัว และลดความกังวลเกี่ยวกับแรงงานขาดแคลนเฉลียบพลัน โดยเฉพาะในภาคก่อสร้าง ซึ่งประเด็นนี้น่าจะทำให้กลุ่มรับเหมาฯมีการฟื้นตัวในวันนี้ ยังคงเลือก STEC PYLON* (KS Research ไม่ได้ออกบทวิเคราะห์) เป็นตัวเด่น

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน SET Index หลังจากที่ติดแนวต้าน 1,587 จุด สัปดาห์นี้มีโอกาสที่จะลงไปต่ำกว่าเป้าหมายสิ้นปีที่ 1,570 จุด กลยุทธ์วันนี้เลือกหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 เด่น และกำไรน่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี MTLS ,MEGA เป็น Top Pick อื่นๆยังเป็น Low PER แต่ High Dividend KKP ,LH ,PSH หุ้นที่พบจุดต่ำสุดไปแล้ว ADVANC รับเหมาฯ STEC ,CK

Back to top button