นาทีทอง! จัด 3 ธีมหุ้นน่าเก็บ! ชู P/E-P/BV ต่ำ แถมยีลด์สูงเกิน 5%

สัปดาห์นี้โบรกฯมองดัชนีฯหุ้นไทยยัง Sideways up โดยให้แนวรับ 1,570/1,565 จุด แนวต้าน 1,585/1,590 จุด โดยคาด Downside ขาลงดัชนีฯจะจำกัด พิจารณาจากงบบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่จะประกาศรอบนี้ เช่น PTTEP SCC SCB BBL และราคาดมีโอกาสน้อยที่ Consensus จะปรับกำไรลงหลังงบออก นอกจากนี้ยังจะมีการประกาศเงินปันผลระหว่างกาลช่วยหนุนถึงกลางเดือนส.ค.

บรรยากาศดังกล่าวเชื่อว่านักลงทุนกำลังมองหาหุ้นที่มีโอกาสขึ้นแรงและให้ผลตอบแทนสูงหากทิศทางตลาดหุ้นกลับมาคึกคัก ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงรวบรวมข้อมูลหุ้นที่ P/E  Ratio (อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น) ต่ำไม่ถึง 10 เท่า อาทิ SPCG, SPALI, PSH, KTB, AP, QH, BCP, TCAP, BANPU และ SPRC และหุ้นที่ P/BV (Price/Book Value) ไม่เกิน 1 เท่าอาทิ BEM, TTA, BLAND, PTTEP, TPIPL, KTB, BBL, THCOM, WHA และ TCAP และหุ้นที่ให้เงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) สูงเกิน 5% อาทิ SPRC, KKP, LH, GLOW, PSH, SPCG, QH, TVO, TTW และ BANPU โดยอาศัยข้อมูลประกอบมาจาก บล.โนมูระ พัฒนสินดังนี้

 

อนึ่งโดยทั่วไปหุ้นที่มี P/E ratio สูงหมายถึงว่าเรายอมจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อหุ้นตัวนี้เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นอีกตัวนึงที่มี P/E ต่ำกว่า ดังนั้นหลายคนมักจะบอกว่า หุ้นที่มี P/E ratio สูงๆ คือหุ้นที่แพง และหุ้นที่มี P/E ratio ต่ำๆ คือหุ้นที่ถูก ดังนั้น การซื้อหุ้นที่มีราคาถูก น่าจะมีโอกาสกำไรมากกว่าซื้อหุ้นที่แพง

ส่วนค่า P/BV (Price/Book Value) ตัวเลขมาตรฐานที่มักจะใช้เป็นฐานก็คือ 1 เท่า หากสามารถซื้อหุ้นที่มีค่า P/BV น้อยกว่า 1 ได้ก็หมายความว่าเราสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีของบริษัท)

 

 *ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน