ลือกระฉ่อน! วิสิฐแบ็กดอร์แมงป่องพร้อมดันธุรกิจพลังงานเข้าตลาด

แหล่งข่าวจากตลาดทุนเปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมบอร์ดบริษัท แมงป่อง 1989 จำกัด (มหาชน) หรือ MPG ได้อนุมัติให้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ภายใต้ชื่อบริษัท เอ็มพีจี เอนเนอร์ยี่ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านพลังงานและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานแล้ว โดยนายวิสิฐ ตันติสุนทร อดีตเลขากบข. ผู้ถือหุ้นใหญ่ จะเข้ามานั่งเป็นซีอีโอบริษัท เอ็มพีจี เอนเนอร์ยี่ และนั่งเป็นกรรมการใน MPG

นอกจากนี้บอร์ดได้มอบหมายให้นายวิสิฐไปเจรจาซื้อกิจการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลที่ทำจากเศษไม้อัดแท่ง หรือ Wood Pellets ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอยู่ในขณะนี้ โดยบริษัทดังกล่าวได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้หลักให้แก่ MPG ทันที หลังซื้อกิจการเข้ามาแล้ว โดยใช้เงินทุนจากการขายหุ้น PP แมงป่อง จำนวน 300 ล้านหุ้น

“การซื้อกิจการด้านพลังงาน ของบริษัทลูกแมงป่อง คล้ายกับนำโรงงานดังกล่าวเข้าตลาดทางอ้อมผ่านบริษัทลูกของแมงป่อง จากเดิมที่บริษัทมีกำไรเพียงปีละไม่ถึง 10 ล้านบาท จะเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 200-300%  จากธุรกิจนี้” แหล่งข่าวกล่าว

 

ทั้งนี้ บริษัท เอ็มพีจี เอนเนอร์ยี่ จำกัด มีทุนจดทะเบียนเป็นเงิน 5 ล้านบาท จำนวน 5 แสนหุ้น พาร์หุ้นละ 10 บาท โดยมีทุนชำระแล้ว 25% ของทุนจดทะเบียน เป็นเงิน 1.25 ล้านบาท ซึ่ง MPG จะถือหุ้น 99.6%  นางกิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร ซึ่งเป็นกรรมการ ของบริษัท และนายวิสิฐ ตันติสุนทร ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกับบริษัท ถือหุ้นฝ่ายละ 0.15%  และนางสาวณลันรัตน์ นันท์นนส์ กรรมการบริษัท ถือหุ้น 0.10%

สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งการตั้งบริษัทใหม่ครั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายงานของบริษัทในธุรกิจด้านพลังาน และที่เกี่ยวเนื่องด้านพลังงาน เพื่อสร้างผลประกอบการที่ดีให้แก่บริษัทตามแผนระดมทุน

 

นอกจากนี้กลุ่มนายวิสิฐ กลุ่มของนายทวีฉัตร จุฬางกูร และนักลงทุนวีไอของโบรกดังอีกคนหนึ่ง จะเข้ามาซื้อหุ้น PP ของแมงป่องอีก 300 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2 บาท รวมเป็นเงินกว่า 600 ล้านบาทภายในเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยให้แมงป่องมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นจำนวนมาก รองรับการธุรกิจใหม่ เครื่องสำอาง แบรนด์ “สตาร์ดัส” แข่งกับบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ที่เติบโตอย่างมากจากการจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าจำนวน 200 ล้านบาท และอีก 400 ล้านบาท จะนำไปลงทุนในธุรกิจพลังงานชีวมวล เช่น โรงไฟฟ้า ที่เป็นธุรกิจใหม่ของบริษัท ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่สูงในอนาคต

ปัจจุบันนายวิสิฐ ถือหุ้นใหญ่ MPG จำนวน 21 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.43% นายทวีฉัตร จุฬารกรู ถือ 83 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.5% และนายณัฐพล จุฬารกรู ถือ 22.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.66% ซึ่งหลังจากซื้อหุ้น PP แล้วสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นกว่านี้อีกมาก