GUNKUL ราศีจับ! ลุ้นกำไรปีนี้โตกระฉูด พร้อมลุยประมูลงานต่อเนื่อง

GUNKUL ราศีจับ! ลุ้นกำไรปีนี้โตกระฉูด รับไฮซีซั่นช่วงครึ่งปีหลัง ทยอยรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานลม-เดินหน้าประมูลงานต่อเนื่อง ด้าน โบรกฯ มองเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อหลังราคาหุ้นลดลง-กำไรจากโรงไฟฟ้าใหม่ที่ทยอยเข้ามาในปี 60-61 ช่วยหนุนบริษัทมั่นคง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL หลังผู้บริหารเปิดเผยว่าบริษัทคงเป้ารายได้ปีนี้ที่เติบโต 30% หรือมาที่ราว 4,300 ล้านบาท จากปี 59 มีรายได้ 3,638.65 ล้านบาท โดย ณ ปัจจุบันบริษัทรายได้แล้ว 2,335.83 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของเป้าหมายทั้งปีนี้ ขณะเดียวกันยังมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท

โดยบริษัทได้รับงานวางเคเบิ้ลใต้น้ำใน จ.พังงา ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่า 87.28 ล้านบาท รวมทั้งวางแผนเตรียมเข้าประมูลงานเคเบิ้ลใต้น้ำเกาะสมุย-เกาะเต่า มูลค่ากว่า 1.5 พันล้านบาท และงานนำสายไฟฟ้าลงดินใน 4 จังหวัดใหญ่ ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา ภูเก็ต และชลบุรี เฟสแรกประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งหากได้งานดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

ด้านนักวิเคราะห์มองว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 60 แนวโน้มกำไรของ GUNKUL เติบโตขึ้นจากครึ่งแรกปี 60 และประมาณการกำไรทั้งปีโตกระฉูด จากการทยอยรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/60 จะเข้าสู่ช่วง High season ซึ่งกำลังลมค่อนข้างดี

ขณะที่ ราคาหุ้นปิดตลาดวานนี้ (21 ส.ค.) อยู่ที่ 3.80 บวก 0.02 บาท หรือ 0.53% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 26.52 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 5 บาท อยู่ 31.57%

 

โดย นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ GUNKUL เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเข้าประมูลงานก่อสร้างและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยเป็นงานวางสายเคเบิลใต้น้ำ เกาะสมุย เกาะเต่า มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท และงานนำสายไฟฟ้าลงดินใน 4 จังหวัดใหญ่ ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา ภูเก็ต และชลบุรี เฟสแรกประมาณ 800 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 2 ปีประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 งาน คาดว่าจะรู้ผลภายในปีนี้

อนึ่ง ล่าสุดบริษัทได้รับงานรับเหมาก่อสร้างเคเบิ้ลใต้น้ำ 33KV ไปยังเกาะพระทอง จังหวัดพังงา มูลค่า 87 ล้านบาท ซึ่งจะเซ็นสัญญาวันที่ 23 ส.ค.60 และคาดว่าจะก่อสร้างภายใน 450 วัน นอกจากนี้บริษัทคาดหวังจะเข้าไปรับงานก่อสร้างโซลาร์สหกรณ์ที่มีการประมูลแล้วเสร็จในช่วงที่ผ่านมา โดยคาดหวังจะเข้าไปรับงานประมาณ 20 เมกะวัตต์

ในขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการและร่วมลงทุนคิดเป็นกำลังการผลิตประมาณ 1,200 เมกะวัตต์ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าในปี 63 จะมีกำลังการผลิตรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,000 เมกะวัตต์อย่างแน่นอน จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 489 เมกะวัตต์

ทั้งนี้บริษัทคงเป้ารายได้ปีนี้ที่เติบโต 30% หรือมาที่ราว 4,300 ล้านบาท จากปี 59 มีรายได้ 3,638.65 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้แล้ว 2,335.83 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของเป้าหมายทั้งปีนี้ ขณะที่มียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกันนางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์  ประธานกรรมการบริหาร GUNKUL เปิดเผยว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้พิจารณาตกลงให้บริษัทภายใต้ “Gunkul Consortium” รับจ้างงานเหมาก่อสร้างเคเบิ้ลใต้น้ำระบบ 33 KV ไปยังเกาะพระทอง จังหวัดพังงา เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 87,282,575 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) กำหนดระยะเวลาก่อสร้างนับจากวันลงนามในสัญญาจำนวน 450 วัน

ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เช่น โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินใน 4 จังหวัดใหญ่ คิดเป็นมูลค่างานกว่าหมื่นล้านบาทภายใต้กรอบระยะเวลา 2  ปีนี้ และงานวางเคเบิ้ลใต้ทะเล เป็นต้น หากได้งานจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดีเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา  เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิตขนาด 60 เมกะวัตต์ ของบริษัท พัฒนาพลังงานลม จำกัด (WED) และทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งแดดและลมรวม 180 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ยังศึกษาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลในญี่ปุ่น โดยได้เจรจาซื้อวัตถุดิบไม้สับจากผู้ผลิตภาคใต้ของไทย เพราะโครงการต้องมีความแน่นอนเรื่องของวัตถุดิบเพียงพอต่อการผลิตตลอดอายุสัญญา 15 ปี

ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาผู้พัฒนาโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นเพิ่มเติม รวมทั้งสนใจซื้อโครงการโซลาร์ฟาร์มในมาเลเซีย เมียนมา และอาเซียน โดยขณะนี้เจรจาอยู่ 2 ราย รวมกำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ คาดว่าในปีนี้น่าจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ราย กำลังผลิต 100 เมกะวัตต์ ซึ่งคู่เจรจาแต่ละรายมีโครงการโซลาร์ฟาร์มหลายโครงการและมีขนาดไม่ใหญ่มาก

 

ด้าน นักวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” GUNKUL เพื่อการลงทุนระยะยาว ให้ราคาเป้าหมาย 5 บาทต่อหุ้น เนื่องจากแนวโน้มกำไรดีขึ้นในครึ่งหลังปี 60 และกำไรของโรงไฟฟ้าใหม่ที่ทยอยเข้ามาในปี 60-61 ทำให้กำไรของบริษัทมั่นคงจากกำไรในธุรกิจเดิม (Trading &EPC) ที่ผันผวนและมี margin ต่ำ รวมทั้งราคาหุ้นที่ลดลงเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อ

ทั้งนี้ถึงแม้ว่ากำไรในครึ่งแรกปี 60 จะคิดเป็น 32% ของประมาณการกำไรทั้งปีนี้ที่ 971 ล้านบาท หรือโต 81% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คาดว่าผลประกอบการครึ่งหลังปี 60 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามรายได้ของธุรกิจ Trading และ EPC&OM ที่คาดว่าดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน รวมทั้งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังลมเพิ่มขึ้น (ช่วง peak season ของลมอยู่ในเดือน ก.ค. และปลายไตรมาส 4/60-ม.ค.61) ดังนั้น ในเบื้องต้นจึงคงประมาณการเดิมไว้

ส่วนปี 61 คาดว่ากำไรจะเติบโต 23% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 1,197 ล้านบาท หนุนจากโรงไฟฟ้าพลังลม GNP (60 MW) ซึ่งจะเริ่มผลิตในครึ่งแรกปี 61 และอีก 50 MW ในปี 62 จากโครงการ KWE รวมทั้งกำไรของโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น (206 MW) จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ GUNKUL ตั้งเป้าหมายกำลังผลิต 1,000 MW ภายในปี 63 โดยมีโครงการในมือ 488 MW และคาดหวังจะได้กำลังผลิตใหม่เพิ่มอีก 500 MW ประกอบด้วย โครงการในประเทศไทย ได้แก่ การเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์สระแก้ว ขนาด 8 MW (BMP Solar) และบางกระเจ้า ขนาด 5 MW ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในครึ่งหลังปี 60

รวมทั้งการเปิดประมูล/รับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐ ได้แก่ โครงการ SPP Hybrid Firm (568 MW) คาดเปิดประมูลใน ส.ค.60 และโครงการ VSPP Semi-Firm (269 MW) ภายในสิ้นปี 60 ส่วนโครงการในต่างประเทศ บริษัทมุ่งเน้นที่ญี่ปุ่นและประเทศใน AEC (มาเลเซีย เวียดนาม พม่า)

Back to top button