TFG แย้มโค้งหลังโตสนั่น! เข้าสู่ Year of Growth ตุนออเดอร์ส่งออกเพียบ
TFG แย้มโค้งหลังโตสนั่น! เข้าสู่ Year of Growth ตุนออเดอร์ส่งออกเพียบ ฟากโบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" ให้เป้าสูง อัพไซด์เหลือเพียบ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG โดยนักวิเคราะห์มองว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 60 จะเป็นช่วงที่มีคำสั่งซื้อมากขึ้นตามพฤติกรรมการบริโภคนอกบ้านหลังพ้นหน้าหนาว รวมถึงจะมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าเพื่อเตรียมการก่อนช่วงคริสต์มาส ประกอบกับความต้องการหลังพ้นช่วงกินเจหลังเดือนตุลาคม
นอกจากนี้ บริษัทจะได้รับผลดีจากการส่งออกสินค้าไก่ที่มากขึ้น หลังจากบราซิลซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกไก่รายใหญ่ของโลกประสบปัญหาด้านความโปร่งใสของคุณภาพผลิตภัณฑ์ไก่ จึงส่งผลให้การแข่งขันในตลาดโลกผ่อนคลายลง
ด้านราคาหุ้นวานนี้ (24 ส.ค.) ปิดที่ 5.70 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าซื้อขาย 21.52 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 6.60 บาท อยู่ 15.79%
โดย นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ TFG เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในครึ่งหลังของปี 60 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นไปตามแผนและยุทธศาสตร์ Year of Growth หรือปีแห่งการเติบโต และเชื่อมั่นว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากฐานเดิมปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 20,779.59 ล้านบาท และรักษาระดับผลกำไรได้ต่อเนื่อง
โดยได้รับอานิสงส์จากรายได้จากการขายสินค้าส่งออกไปแล้วล่วงหน้าในราคาเฉลี่ยที่สูงขึ้น อีกทั้งมีการสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้านำเข้ากากถั่วเหลืองที่มีต้นทุนแน่นอน และอัตราแลกเปลี่ยนที่ดอลลาร์อ่อนลง ตลอดจนการบริหารประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงบริหารต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังต้องบริหารความเสี่ยงทางการเงิน ราคาตลาด ต้นทุนวัตถุดิบ และอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องรวมทั้งต้องมีมาตรการป้องกันโรคระบาด ของไก่และสุกร อย่างระมัดระวังขั้นสูงสุด
“ภาพรวมธุรกิจในครึ่งหลังของปีนี้มั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 12,053 ล้านบาท เติบโต 27.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 759 ล้านบาท เติบโตขึ้น 25.0% เทียบกับกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 607 ล้านบาท บนฐานเดียวกันในปีที่แล้ว กำไรต่อหุ้นสะสมครึ่งปีแรกอยู่ที่ 0.14 บาทต่อหุ้น โดย TFG บริษัทแม่ สามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมดแล้ว และมีกำไรสะสมกว่า 470 ล้านบาท” นายเชิดศักดิ์กล่าว
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” TFG ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท/หุ้น โดยคาดว่า TFG จะได้รับผลดีจากการส่งออกไก่ที่มากขึ้น โดยปริมาณการส่งออกไก่จะเพิ่มจากประมาณ 24,000 ตัน ในปี 2560 เป็น 32,000 ตันในปี 61 เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกเพิ่มส่วนใหญ่จะไปที่ ยุโรป และ ญี่ปุ่น โดยมีโอกาสจากกรณีที่บราซิลซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกไก่รายใหญ่ของโลกประสบปัญหาด้านความโปร่งใสของคุณภาพผลิตภัณฑ์ไก่ทำให้การแข่งขันในตลาดโลกผ่อนคลายเนื่องจากการลดลงของอุปทาน รวมถึงการบริโภคภายในประเทศจีนมีมากขึ้น ทำให้เหลือส่งออกไปตลาดโลกน้อยลง
ขณะที่ปริมาณการขายในประเทศนั้นอยู่ในภาวะที่ดีเช่นกัน คาดว่าราคาไก่จะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 39-40 บาทต่อกก.ดีขึ้นจาก 37-38 บาทต่อกก.ในไตรมาส 2/60 และ 36-37 บาทต่อกก. ในไตรมาส 1/60 ขณะที่ราคาหมูมีการฟื้นตัวดีขึ้นจากช่วงภาวะอุปทานล้นตลาดที่ 55-57 บาทต่อกก. มาอยู่ที่ 58-60 บาทต่อกก.
อนึ่ง ราคาวัตถุดิบยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ราคาข้าวโพดอยู่ที่ประมาณ 8 บาท ต่อกก. และราคากากถั่วเหลืองที่ 15 บาทต่อกก. โดย TFG มีการตกลงซื้อวัตถุดิบที่ราคาถูกล่วงหน้าไปถึงปลายปี คาดจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น 60 อยู่ในระดับ 14.5% สูงกว่า 12.7% ในปี 2559
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าในช่วงครึ่งหลังปี 60 จะเป็นช่วงที่ได้ผลประโยชน์ทางฤดูกาล โดยจะมีคำสั่งซื้อมากขึ้นในไตรมาส 3/60 เนื่องจากคำสั่งซื้อที่มากขึ้นตามพฤติกรรมการบริโภคนอกบ้านหลังพ้นหน้าหนาว รวมถึงจะมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าเพื่อเตรียมการก่อนช่วงคริสต์มาส (pre-Christmas order) ประกอบกับความต้องการหลังพ้นช่วงกินเจหลังเดือนตุลาคม
ขณะเดียวกัน TFG มีแผนจะเพิ่มกำลังโรงเชือดไก่อีก 50,000 ตัวต่อวัน เป็น 550,000 ตัวต่อวัน (เพิ่มขึ้น 10%) รวมถึงเพิ่มกำลังโรงเชือดสุกรอีก 800 ตัวต่อวัน (เพิ่ม 2 เท่า) ที่จังหวัดชลบุรีในไตรมาส 3/60 โดยในส่วนของสุกร TFG วางแผนเพิ่มสัดส่วนมูลค่าสุกรชำแหละ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าสุกรเป็น จากสัดส่วน 7% ในปี 59 มาเป็น 19-20% ในปี 60 จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่า TFG จะสามารถมีกำไรสุทธิปี 60 ที่ 2.2 พันล้านบาทได้
นอกจากนี้ TFG อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานไก่ปรุงสุก (Further factory) เพื่อป้อนตลาดส่งออกภายในไตรมาส 2/61 ด้วยกำลังผลิตประมาณ 25,000 ตันต่อปี ซึ่งการผลิตไก่ปรุงสุกจะมีมูลค่าเพิ่มมากกว่าการผลิตเพียงไก่สด อีกทั้งตลาดไก่ปรุงสุกยังมีขนาดตลาดใหญ่กว่าตลาดไก่สดประมาณ 2 เท่า คาดว่า TFG จะมีรายได้ปี 61 ที่ 29 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 60 และกำไรประมาณ 2.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%
ขณะที่ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” TFG ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท/หุ้น โดยกำไรหลักคาดจะเติบโตแข็งแกร่ง 6% จากปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อน มาที่ 630 ล้านบาท ในไตรมาส 3/60 ซึ่งได้แรงหนุนจากปริมาณการขายและยอดส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น , สัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มมากขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง (โดยเฉพาะ กากถั่วเหลือง)
โดยฝ่ายวิจัยเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อราคาหมูเป็นและไก่เป็นในประเทศที่ปรับตัวลดลง ราคาไก่ส่งออกของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาสก่อน ในไตรมาส 3/60 และ 15% จากไตรมาสก่อน ในไตรมาส 4/60 เนื่องจากอุปทานที่ตึงตัว ราคาไก่เป็นในประเทศคาดจะฟื้นตัวมาอยู่ที่ 40 บาทต่อกก. (จาก 38-39 บาทต่อกก.ในปัจจุบัน) หลังจากหมดฤดูฝนและช่วงเทศกาลกินเจในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ บริษัทยังล็อคราคาต้นทุนวัตถุดิบ (กากถั่วเหลือง) ไปแล้วถึงไตรมาส 1/61 ทำให้ความกังวลในเรื่องของราคาวัตถุดิบนั้นลดลง (รวมถึงประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งตัว)
ขณะเดียวกัน TFG กำลังดำเนินกลยุทธ์เพื่อหนุนการเติบโตของยอดขายอย่างมั่นคงและขยายอัตรากำไรจากผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกไก่ (เพิ่มขึ้น 70 บาทต่อกก. จากราคาหน้าโรงงาน) และธุรกิจบริการอาหาร ยอดขายส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 11% ของรายได้ในครึ่งแรกปี 59 มาอยู่ที่ 18% ในครึ่งแรกของปี 60 ยอดขายธุรกิจบริการอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่น้อยกว่า 1% ในครึ่งแรกปี 2559 มาอยู่ที่ 8% ในครึ่งแรกของปี 60 เป้าหมายปริมาณส่งออกของ TFG จะไปแตะที่ 32,000 ตันในปี 60 (เพิ่มขื้น 35% จากปีก่อน) และ 40,000 ตันในปี 61
นอกจากนี้ผู้บริหารปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ธุรกิจบริการอาหารปี 60 จาก 500 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1 พันล้านบาท (มีรายได้ที่ 534 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 60 ยอดขายหมูชำแหละ (ราคาผันผวนต่ำกว่าหมูเป็น) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 7% ของรายได้ในครึ่งแรกของปี 59 มาอยู่ที่ 19% ในครึ่งแรกปี 60 โรงงานผลิตไก่ปรุงสุกคาดจะเสร็จภายในเดือนมิ.ย.61 โดยมีเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 2 พันล้านบาทสำหรับการดำเนินงานใน 12 เดือนแรก
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานไก่จาก 5 แสนตัวต่อวันในปัจจุบัน มาอยู่ที่ 5.6 แสนตัวต่อวัน ณ สิ้นปี 60 และปรับเพิ่มขึ้นอีก 20% ในปี 61 โรงเชือดหมูแห่งใหม่จะเริ่มดำเนินงานในไตรมาส3/60 ด้วยกำลังการผลิตที่ 800 ตัวต่อวัน (เพิ่มอัตรากำลังการผลิตเป็น 2 เท่า) สำหรับธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ โรงงานที่ปราจีนบุรีจะเริ่มดำเนินการผลิตด้วยกำลังการผลิตที่ 12,000 ตันต่อเดือนในไตรมาส 4/60 (เพิ่มขึ้น 10%) และโรงงานผลิตอาหารสัตว์แห่งใหม่ในกาฬสินธุ์ที่ 50,000 ตันต่อเดือน (เพิ่มขึ้น 35%) จะเริ่มดำเนินงานในไตรมาส 3/61