คัด 18 หุ้นโคม่าหนัก! งบฯ Q2 ถังแตกไม่เลิก
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งตลาด SET และ mai งวดไตรมาส 2/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มิ.ย.60 โดยการสำรวจครั้งนี้ได้คัดเลือกเฉพาะบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนตั้งแต่ระดับ 50-1,500%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งตลาด SET และ mai งวดไตรมาส 2/60 สิ้นสุดวันที่ 31 มิ.ย.60 โดยการสำรวจครั้งนี้ได้คัดเลือกเฉพาะบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนตั้งแต่ระดับ 50-1,500% ดังตารางประกอบ
โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 18 ตัว อาทิ UREKA,TRUE,SST,RCI,HOTPOT,SPORT,BA,TMI,GSTEL,MAX,AIRA, STHAI,MCOT, KDH,CGD,THAI,SMM และTFD อย่างไรก็ตามการเสนอข้อมูลหุ้นดังกล่าวไม่สามารถนำข้อมูลมาเสนอได้ครบทุกตัว ดังนั้นจึงขอคัดเลือกหุ้นที่พลิกขาดทุนเปลี่ยนแปลงมากสุด 5 อันดับแรกมานำเสนอเท่านั้น
อันดับ 1 บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ UREKA ให้บริการออกแบบและผลิตเครื่องจักร สำหรับการประกอบและทดสอบชิ้นส่วนยานยนต์ และอุปกรณ์จับยึดสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งการปรับปรุงแก้ไขซ่อมแซมเครื่องจักรเดิม และการจัดหาอุปกรณ์และวัสดุสิ้นเปลืองให้ลูกค้า
โดยบริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 ขาดทุนสุทธิ 23.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,554.55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 1.42 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวขาดทุนเพิ่มเนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการลดลง
นายนรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์รายได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะทำได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากครบกำหนดการส่งมอบงานหลายโครงการ ทำให้สามารถรับรู้รายได้เข้ามา โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 190 ล้านบาท ขณะที่ยังเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง อีกมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในช่วงไตรมาส 3/60
ขณะที่งานประมูลใหม่ดังกล่าว ได้แก่ งานด้านเครื่องจักรในประเทศไทย ประมาณ 50 ล้านบาท และที่ประเทศอินเดีย 30 ล้านบาท คาดรู้ผลในไตรมาส 3/60 รวมถึงงานด้าน Logistic automation จำนวน 4 งาน มูลค่ารวม 100 ล้านบาท คาดรู้ผลประมูลภายในไตรมาส 3/60 จำนวน 2 งาน มูลค่า 50 ล้านบาท และงานประมูล chiller ของกิจการร่วมค้า ยูเรกา ยูเอ็มไอ ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมูลค่า 20 ล้านบาท คาดรู้ผลในเดือน ก.ค.นี้
ทั้งนี้ แผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังนั้น จะมุ่งเน้นงานรองรับไทยแลนด์ 4.0 โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่รัฐบาลเตรียมออกกฎเพื่อเอื้ออำนายความสะดวกให้ผู้ประกอบการลงทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตของตนเองให้เป็นอุตสาหกรรมไทยแลนด์ 4.0 โดยมีการลงทุนระบบ Automation มากขึ้น ซึ่งสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงนโยบายการลดต้นทุนในการดำเนินงานทุกรูปแบบ เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรด้วย
อันดับ 2 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 ขาดทุนสุทธิ 1,245.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,049.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 82.49 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวขาดทุนเพิ่ม เนื่องจากรายได้จากการให้บริการโดยรวมของกลุ่มทรู เติบโตประมาณร้อยละ 10 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้าเป็นจำนวน 24.0 พันล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2560 อันเป็นผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบริการบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ตสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไป ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้น สูงในอัตราเลขสองหลักโดยรายได้และฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม ผลักดันให้ EBITDA เติบโตถึงร้อยละ 37.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้าเป็นจำนวน 8.7 พันล้านบาทและ EBITDA Margin เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 36.1
ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงข่ายและใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ ส่งผลให้กลุ่มทรูรายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 1,245.4 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2560 อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานหลักของกลุ่มทรู (ไม่รวมมูลค่าเงินลงทุนในกองทุน DIF) ปรับตัวดีขึ้น อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จาก scale ที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดของกลุ่ม
อันดับ 3 บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SST ให้บริการจัดเก็บเอกสาร/ทรัพย์สิน ให้เช่าและบริหารพื้นที่เพื่อรองรับการจัดเก็บสินค้า รับบริหารจัดการสต๊อกสินค้า กิจการท่าเทียบเรือ รวมทั้งลงทุนในกิจการอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าแฟชั่นผ่านการถือหุ้นของบริษัทย่อย
โดยบริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 ขาดทุนสุทธิ 8.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 640.58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 1.14 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวขาดทุนเพิ่มเนื่องจากรายได้จากธุรกิจคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ อีกทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มรวมทั้งธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปลดลง
อันดับ 4 บริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ RCI ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องเซรามิคปูพื้น กระเบื้องบุผนังชนิดต่าง ๆ จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 ขาดทุนสุทธิ 29.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 481.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 5.01 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนขายพุ่ง
อันดับ 5 บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) หรือ HOTPOT ประกอบธุรกิจร้านอาหารโดยร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติประเภทสุกี้ ชาบู ภายใต้แบรนด์ “ฮอท พอท” และร้านอาหารบุฟเฟ่ต์แนวปิ้งย่างและชาบูสไตล์ญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ “ไดโดมอน” นอกจากนั้น ยังมีร้านอาหาร Casual Dining เสิร์ฟสเต๊ก และอาหารฟิวชั่น แบบ A La Carte ภายใต้แบรนด์ “ซิกเนเจอร์”
บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 ขาดทุนสุทธิ 5131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 338% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 11.71 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานไตรมาสดังกล่าวขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้หดและจ่ายค่าภาษีพุ่ง
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน