PLANB ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังสดใส รับไฮซีซั่นสื่อนอกบ้าน

PLANB ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังสดใส รับไฮซีซั่นสื่อนอกบ้าน ฟากโบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" ให้เป้าสูง-อัพไซด์กระฉูด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB โดยนักวิเคราะห์มองว่าผลประกอบการในครึ่งหลังปีนี้ ของ PLANB มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นสำหรับสื่อนอกบ้าน รวมทั้งมีรายได้เพิ่มขึ้นจากพื้นที่โฆษณาที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ PLANB ยังเริ่มรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากการขยายสื่อในปีที่ผ่านมา ขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่จึงส่งผลให้อัตราทำกำไรเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังมองว่า PLANB มีความสามารถในการให้บริการที่เพิ่มขึ้น และอัตราการใช้สื่อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ

ขณะที่ราคาหุ้น PLANB ล่าสุดปิดตลาดวานนี้ (4 ก.ย.) อยู่ที่ 6.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 65.90 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 8.20 บาท อยู่ 36.67%

ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” PLANB ราคาเป้าหมาย 8.20 บาท/หุ้น โดยเม็ดเงินโฆษณาสำหรับสื่อนอกบ้าน (สื่อกลางแจ้ง, ขนส่งมวลชน, ร้านค้า) เติบโตดีกว่าอุตสาหกรรมในเดือน ก.ค. 2560 โดยเม็ดเงินโฆษณาสำหรับสื่อดังกล่าวชะลอตัวเพียง 3% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาทในเดือนก.ค. เทียบกับเม็ดเงินโฆษณาสำหรับอุตสาหกรรมโดยรวมที่ลดลง 14% จากปีก่อน (นำโดยสื่อสิ่งพิมพ์ และทีวีอนาล็อคที่ลดลง 24% จากปีก่อน) ภายในกลุ่มสื่อโฆษณานอกบ้าน เม็ดเงินโฆณาผ่านร้านค้าเติบโตมากที่สุดเมื่อเทียบกับปีก่อน (สูงขึ้น 48% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 80 ล้านบาท) ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาสื่อกลางแจ้งและในระบบขนส่งมวลชนชะลอตัว 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 533 ล้านบาท และลดลง 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 452 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่การบริโภคในประเทศที่ชะลอตัว, ฤดูฝน และการที่ลูกค้าเลื่อนเวลาการใช้เม็ดเงินโฆษณาออกไปส่งผลให้แนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาในไตรมาส 3/60 ยังซบเซา ฝ่ายวิจัยคาดว่าเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมจะลดลง 12-13% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในไตรมาส 3/60 (แต่ทรงตัว จากไตรมาสก่อน)

อย่างไรก็ตาม สื่อนอกบ้านดูไม่เป็นเช่นนั้น โดยเจ็ดเดือนแรกของปี 2560 เม็ดเงินโฆษณาสำหรับสื่อนอกบ้านเติบโต 5% เมื่อเมียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 6.8 พันล้านบาท แข็งแกร่งกว่าเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมที่ลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 60.3 พันล้านบาท

นอกจากนั้นค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการรายได้ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัท พรีเมียร์ลีก (ไทยแลนด์) น่าจะช่วยหนุนการเติบโตของรายได้เมื่อเทียบกับปีก่อน ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงคาดว่ากำไรหลักไตรมาส 3/60 จะขยายตัวทั้งจากปีก่อนและจากไตรมาสก่อน

ขณะในเดียวกัน ผู้เล่นในอุตสาหกรรมคาดเม็ดเงินโฆษณาจะสูงขึ้นหลังจากผ่านช่วงพระราชพิธีในเดือนต.ค. คาดเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมจะเริ่มเติบโตอย่างมีนัยยะตั้งแต่เดือน พ.ย. เป็นต้นไป อีกทั้งคาดผลกระทบจากช่วงพระราชพิธีจะน้อยกว่าผลกระทบในช่วงไว้อาลัยในไตรมาส 4/59 ดังนั้นคาดเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมในไตรมาส 4/60 จะเติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อน (จากฐานต่ำ) และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน (ปัจจัยทางฤดูกาล) และคาดรายได้และกำไรหลักของ PLANB สูงขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ PLANB มุ่งหน้าขยายสื่อนอกบ้าน ซึ่งจะหนุนให้กำลังการผลิตสื่อเติบโต 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนมาอยู่ที่ 4.44 พันล้านบาทในปี 2560 และเติบโตอีก 5-7% มาอยู่ที่ 4.64-4.74 พันล้านบาทในปี 2561 อีกทั้งธุรกิจใหม่ของบริษัท isports marketingo ซึ่งเริ่มในปี 2560 จะเป็นอีกปัจจัยหนุนรายได้เติบโตในปีหน้า คาดรายได้จาก Sports marketing เติบโต 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 680 ล้านบาทในปี 2561

ทั้งนี้ หนุนโดยรายได้จากสปอนเซอร์และรายได้จากการขายสินค้าต่างๆที่เกี่ยวข้องสูงขึ้น อีกทั้งยังมีอัพไซด์ต่อกำไรของบริษัทจากการขยายธุรกิจสื่อนอกบ้าน, การซื้อกิจการ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและมาเลเซีย และรายได้จาก sports marketing ที่เพิ่มขึ้น

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” PLANB ราคาเป้าหมาย 6.80 บาท/หุ้น โดยตลาดสื่อโฆษณานอกบ้าน OOH media ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเติบโต เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน สอดคล้องกับรายได้ของ PLANB ในช่วงครึ่งปีแรกนี้เติบโต เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน โดยปีนี้และปีหน้าบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตปีละ 15-20% และคาดรายได้ปี 2563 เพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท จากกลยุทธ์การขยายสื่อนอกบ้านครบวงจรในประเทศและขยายตลาดต่างประเทศ

สำหรับปี 2561 ยังมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นอีกจากรถเมล์ปรับอากาศใหม่ที่คาดจะเข้ามาในปีหน้าจากแผนภาครัฐฯ จะทำให้ PLANB มีโอกาสที่ปรับราคาและอัตราการเช่าสื่อโฆษณาจะเพิ่มขึ้นด้วยจากภาพลักษณ์ของรถปรับอากาศใหม่ ขณะที่สื่อป้ายดิจิทัลที่จะมีการประมูลป้ายจราจรเพิ่ม 50 ป้าย และสื่อสนามบินที่สุวรรณภูมิจะมีการประมูลในปีหน้าหลังจากรายเดิมหมดสัญญาสัมปทาน

นอกจากนี้ สื่อ football ยังมีโอกาสเติบโตจากการปรับค่าขายลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้น 15-20% จากสปอนเซอร์รายใหม่ที่จะเข้ามา สำหรับการลงทุนในต่างประเทศปัจจุบันได้เริ่มขยายการลงทุนไปที่ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ลาว และฟิลิปปินส์แล้ว และกำลังมองหาโอกาสขยายการลงทุนในประเทศเวียตนาม และสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นจากศักยภาพการเติบโตของสื่อ OHH ที่ยังมีสูง โดยบริษัทวางงบลงทุนขยายสื่อทุกปี 400-500 ล้านบาท ยังไม่รวมการขยายตลาดต่างประเทศ

ขณะที่ ฝ่ายวิจัยคาดผลประกอบการไตรมาส 3/60 จะเพิ่มขึ้นทั้งจากปีก่อนและจากไตรมาสก่อน จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของทุกสื่อรวมกันคาดอัตราการใช้สื่ออยู่ที่ 75% จาก 70% จากไตรมาสก่อน และรับรู้รายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์ฟุตบอล 35 ลบ. และผลประกอบการจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยในไตรมาส 4/60 จากช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงรัชกาลที่ 9 ในเดือนตุลาคมและคาดงบโฆษณาจะเริ่มกลับมาในเดือน พ.ย. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการเดิมกำไรสุทธิครึ่งแรกปีนี้คิดเป็น 46% ของกำไรทั้งปี คาดครึ่งหลังปีนี้ผลประกอบดีกว่าครึ่งปีแรกจากการรับรู้สื่อใหม่ที่เพิ่มขึ้น ฝ่ายวิจัยคาดรายได้ปี 2560-2562 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 16% (ยังไม่รวมสื่อต่างประเทศเนื่องจากสัดส่วนยังเล็กน้อยอยู่จากการเพิ่งเริ่มขยายสื่อ) คาดอัตราการใช้สื่อรวมปี 2560-2562 อยู่ที่ 65%-70% อัตรากำไรขั้นต้นคาดดีขึ้นอยู่ที่ 36% จาก 32% จากรายได้สื่อใหม่ที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนคงที่มีอัตราเพิ่มขึ้นช้ากว่าการเติบโตของรายได้ เราคาดกำไรสุทธิ 2560-2562 เติบโตเฉลี่ย 3 ปีละ 22% (2560-2562)

 

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” PLANB ราคาเป้าหมาย 6.70 บาท/หุ้น โดย PLANB ตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้เป็น 5 พันล้านบาทภายในปี 2563 โดยเพิ่มความสามารถในการให้บริการทั้งในตลาดไทยและตลาดต่างประเทศ เพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ที่โตขึ้นเรื่อยๆ โดยในประเทศไทย บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มความสามารถในการให้บริการอีก 10% ในปีนี้

ในขณะที่คาดว่าการเติบโตจะเร่งตัวขึ้นในปี 2561 จากโครงการใหม่ๆ อย่างเช่นการขยายความสามารถในการให้บริการตามเส้นทางรถไฟฟ้า MRT สายใหม่ และการเปลี่ยนป้ายนิ่งในเขตกรุงเทพจำนวน 50 ป้ายเป็นสื่อดิจิตอล ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

ส่วนในตลาดต่างประเทศ บริษัทตั้งเป้าจะขยายบริการเข้าไปในตลาดใหม่ๆ อย่างเช่น เวียดนามและสิงคโปร์ ทั้งนี้สัดส่วนเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อนอกบ้าน (Out Of Home หรือ OOH) ในกลุ่มประเทศอาเซียนในปี 2559 ยังต่ำอยู่แค่ 5% – 8% ของเม็ดเงินโฆษณารวม ซึ่งยังต่ำกว่าของประเทศอื่นๆ ในเอเซีย

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าเอเยนซี่ที่ซื้อสื่อโฆษณาจะเร่งใช้จ่ายงบซื้อสื่อต่างๆ ในครึ่งหลังปีนี้รวมถึงสื่อประเภท OOH ด้วย ก่อนที่กิจกรรมทางการตลาดต่างๆ จะชะลอลงในช่วงพระราชพิธีพระบรมศพในเดือนตุลาคม 2560 ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่า PLANB ซึ่งเป็นเจ้าตลาดสื่อ OOH ของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อดิจิตอล น่าจะได้รับอานิสงส์จากการเร่งซื้อสื่อโฆษณาดังกล่าว

นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-61 ไว้ที่ 484 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 38% จากปีก่อน) และ 698 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อน) ตามลำดับ โดยสาเหตุหลักมาจากกำไรโตถึง 30% จากปีก่อน ในครึ่งแรกของปีนี้และ คาดว่ากำไรปีนี้จะสูงสุดในไตรมาส 3/60 จากอัตราการใช้สื่อที่เพิ่มขึ้น (ฝ่ายวิจัยคาดว่าอัตราการใช้สื่อของ PLANB ในไตรมาส 3/60 จะเกิน 70% ในไตรมาส 2/60 ซึ่งถือว่าสูงกว่าเจ็ดไตรมาสที่ผ่านมา)

ขณะที่คาดว่ากำไรในไตรมาส 4/60 จะดีขึ้นจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/59 สำหรับในปี 2561 ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรจะโตจากทั้งความสามารถในการให้บริการที่เพิ่มขึ้น และอัตราการใช้สื่อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ

Back to top button