4 โบรกฯฟันธง TKN ผลงานครึ่งหลังฟื้นตัวแรง รับไฮซีซั่น

4 โบรกฯฟันธง TKN ผลงานครึ่งหลังฟื้นตัวแรง รับไฮซีซั่นส่งออก ยอดขายปรับตัวเพิ่มจากนักท่องเที่ยวจีน ฟากอัพไซด์เหลือเพียบ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN โดยนักวิเคราะห์มองว่าผลการดำเนินงานครึ่งหลังปีนี้น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการส่งออก

นอกจากนี้ TKN ยังสามารถเดินเครื่องกำลังการผลิตโรงงานโรจนะเฟส 2 เพิ่มอีก 2,000 ตัน/ปี ช่วยหนุนยอดส่งออกมากขึ้น ส่วนยอดขายภายในประเทศจะปรับตัวดีขึ้นจากการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีน

ขณะที่ราคาหุ้น TKN ล่าสุดปิดตลาดวานนี้ (7 ก.ย.) อยู่ที่ 22.00 บาท บวก 1.40 บาท หรือ 6.80% มูลค่าซื้อขาย 596.49 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 26 บาท อยู่ 18.18%

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” TKN ด้วยราคาเป้าหมาย 26 บาท/หุ้น โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรในปี 2560 ลง 9% และในปี 2561 ลง 24% รวมทั้งปรับราคาเป้าหมายลงจาก 30.25 เหลือ 26 บาท โดนฝ่ายวิจัยเชื่อว่ากำไรในไตรมาส 2/60 ที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง ได้สะท้อนในราคาหุ้นเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ กำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อเนื่องจากกำไรในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อสะสม” TKN ด้วยราคาเป้าหมาย 25 บ./หุ้น โดยเชื่อว่าผลการดำเนินงานของ TKN ในไตรมาส 2/60 จะเป็นจุดต่ำสุด ก่อนจะฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากกำลังการผลิตโรงงานใหม่ที่เริ่มเข้าที่ในช่วงไตรมาส 3/60 ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง และสามารถรองรับยอดขายจากจีนที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องได้

อย่างไรก็ตามแม้ TKN ยังต้องแบกรับต้นทุนสาหร่ายที่ค่อนข้างสูงต่อไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่มองว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น จะช่วยลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลง และทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในช่วงที่เหลือของปีนี้ดีขึ้นกว่าช่วงไตรมาส 2/60

 

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 24 บ./หุ้น โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานของ TKN ช่วงครึ่งหลังปีนี้น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการส่งออก โดยเฉพาะตลาดจีนที่จะขายดีในครึ่งปีหลัง และยอดขายภายในประเทศก็ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/60 ที่ผ่านมา จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน

นอกจากนี้ TKN ยังมีการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น จากสามารถเดินเครื่องกำลังการผลิตเฟส 2 ของโรงงานใหม่ได้เพิ่มอีก 2,000 ตัน/ปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตในเฟสแรกที่ 2,000 ตัน/ปี ส่วนเฟส 3 กำลังการผลิต 2,000 ตัน/ปี น่าจะเริ่มติดตั้งเครื่องจักรในช่วงปลายปีนี้ และเริ่มเดินเครื่องกำลังการผลิตได้ในต้นปีหน้า

ทั้งนี้ มองสถานการณ์ต้นทุนสาหร่ายในปีนี้ที่เพิ่มขึ้นราว 5-7% จากปีก่อนนั้นก็เริ่มดูดีขึ้น แม้ว่ายังคงแบกรับภาระจากต้นทุนที่สูงอยู่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในปีหน้า จากปริมาณผลผลิตสาหร่ายของจีนกลับสู่ภาวะปกติ และมีจำนวนโรงงานผลิตสาหร่ายในเกาหลีเพิ่มขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อราคาวัตถุดิบสาหร่ายในปี 61

อย่างไรก็ตาม ประเมินผลกระทบในปีนี้น่าจะมีไม่มากแล้ว ซึ่ง TKN ได้เร่งสต็อกสาหร่ายล่วงหน้าไว้ก่อนราว 50% ของปริมาณที่ต้องใช้ทั้งหมด ก่อนที่จะเกิดความกังวลต่อความไม่สงบในเกาหลี

 

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” TKN ด้วยราคาเป้าหมาย 23 บ./หุ้น โดยผลการดำเนินงานของ TKN ในครึ่งหลังปีนี้น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก หลังโรงงานใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ สามารถเดินเครื่องกำลังการผลิตเฟส 2 ส่งผลกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ตัน/ปี ส่งผลให้ยอดการส่งออกดีขึ้นตามไปด้วย รวมถึงในไตรมาส 3/60 ก็ผลิตสินค้าใหม่เพื่อส่งออกไปจีน โดยปรับเพิ่มราคาตามสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น

ขณะที่ TKN ยังรุกไปสู่การขายออนไลน์ในจีนโดยเข้าไปตั้งบริษัทที่จีน เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยการขายผ่านออนไลน์ในจีนมีสัดส่วน 23% ร้านค้าดั้งเดิม 24% และโมเดิร์นเทรด 45%

อย่างไรก็ตาม ทั้งปีนี้คาดว่ายอดขายรวมของ TKN จะเติบโตได้ราว 10% ขณะที่กำไรสุทธิน่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย 5% จากปีก่อน จากต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่ผลกำไรในครึ่งแรกของปีนี้ยังอ่อนแอ แต่คาดว่าผลการดำเนินงานของ TKN จะกลับมาดีขึ้นได้ในปีหน้าเป็นต้นไป

สำหรับในปีหน้าคาดว่า TKN ยังได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 60 คาดว่าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะอยู่ที่ 62% และในประเทศอยู่ที่ 38% ประกอบกับโรงงานที่โรจนะยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อีกด้วย

Back to top button