ดีเดย์ PRM ลุ้นเทรดสนั่นแตะเป้า 10 บ. ชูพื้นฐานธุรกิจแกร่ง
"พริมา มารีน" หรือ PRM ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีทางเรืออย่างครบวงจรซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ดีเดย์ PRM ลุ้นเทรดสนั่นแตะเป้า 10 บ. จากราคา IPO ที่ 8 บาท/หุ้น ชูพื้นฐานธุรกิจแกร่ง-อนาคตสดใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (14 ก.ย.) บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีทางเรืออย่างครบวงจรซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น ที่ราคา IPO หุ้นละ 8 บาท โดยมี บล.กสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ด้าน นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRM เปิดเผยว่า มั่นใจว่าหุ้น PRM จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยหลังจากที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทมีแผนเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูปและปิโตรเคมีเหลวทางเรือ การสนับสนุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเลและบริหารจัดการกองเรือ โดยมีแผนขยายกองเรือที่สำคัญในระหว่างปี 2560-2562 ดังนี้
1.ธุรกิจเรือขนส่งฯ โดยบริษัทฯ จะลงทุนเรือขนส่งขนาดบรรทุก 3,000-10,000 DWT ประมาณ 9 ลำ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,340 ล้านบาท คาดรองรับปริมาณขนส่งสินค้าจากการลงทุนในครั้งนี้เพิ่มขึ้น 3,800 ล้านลิตรต่อปี และลงทุนเรือขนส่งขนาดใหญ่ ประมาณ 11 ลำ ประกอบด้วยเรือขนาดประมาณ 14,000 DWTเรือ MR เรือ LR2 เรือ Aframax และเรือ VLCC เพื่อการเติบโตของธุรกิจขนส่ง รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU มูลค่าโครงการรวมประมาณ 6,890 ล้านบาท คาดจะช่วยเพิ่มปริมาณขนส่งอีก 16,700 ล้านลิตรต่อปี
2.ลงทุนขยายธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU เพื่อเพิ่มศักยภาพการกักเก็บน้ำมันอีก 4 ลำ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,200 ล้านบาท รับการเติบโตของอุตสาหกรรมขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 3. พิจารณาการลงทุนเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่งขุดเจาะน้ำมัน (เรือ FSO) ประมาณ 2 ลำ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,090 ล้านบาท รับการเติบโตของธุรกิจการปฏิบัติงานการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันดิบกลางทะเลทั้งในน่านน้ำไทยและประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“ณ วันที่ 30 มิ.ย. 60 บริษัทมีกองเรือที่ให้บริการรวมทั้งสิ้น 24 ลำ และมีแผนขยายกองเรืออย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทำให้พริมา มารีน มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันและปิโตรเคมีเหลวทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ รวมถึงขยายเส้นทางการเดินเรือใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น เส้นทางไทย-เมียนมาร์ ไทย-จีน ไทย-ญี่ปุ่น เป็นต้น ตลอดจนขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะประเทศใกล้เคียงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีโอกาสเติบโตสูง” นายชาญวิทย์ กล่าว
ทั้งนี้ นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า PRM เป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่สุดของไทยที่ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูปและปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจร รวมถึงให้บริการเรือขนส่งที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี
โดยมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมานานกว่า 30 ปี ทำให้สามารถบริหารจัดการกองเรือให้เหมาะสมกับปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงมีแผนงานขยายการขนส่งปิโตรเคมีเหลวเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยหลังจากที่ พริมา มารีน ระดมทุนครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้หนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลง จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า
ขณะที่ นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เปิดเผยว่า PRM ถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการแผนลงทุนขยายกองเรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงปริมาณความต้องการบริโภคน้ำมันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 3%
โดยปีที่ผ่านมามีปริมาณการใช้น้ำมันรวม 1,557 ล้านตัน ซึ่งสูงที่สุดในโลกส่งผลให้มีความต้องการใช้เรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ เพื่อขนส่งไปยังจุดหมายปลายทางเพิ่มขึ้น จึงเป็นผลบวกต่อการผลักดันการเติบโตของพริมา มารีน ในอนาคต หลังจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ระหว่างปี 2557-2559) มีอัตราเติบโตของรายได้ เฉลี่ยปีละประมาณ 11%
สำหรับผลประกอบการประจำปี 59 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 787.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 378.85 ล้านบาท ขณะที่ ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 185.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.80% จากมีกำไรสุทธิ 177.32 ล้านบาท ขณะที่ 6 เดือนแรกมีกำไร 473.32 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 322.11 ล้านบาท
อนึ่ง PRM เป็นผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีทางเรืออย่างครบวงจรซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รวมถึงให้บริการเรือขนส่งที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น PRM เข้าซื้อขายในวันแรก (14 ก.ย.) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นถึง 10 บาท จากราคา IPO ที่ 8 บาท โดยคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 20 เท่า และกำไรต่อหุ้นที่ 0.5 บาท โดยมองว่า PRM เสนอขายหุ้น IPO สูงถึง 650 ล้านหุ้น จึงคาดว่าราคาเปิดตลาดอาจจะปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม พื้นฐานธุรกิจค่อนข้างแข็งแกร่งจากบริการโลจิสติกส์ครบวงจร ส่งผลให้ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น