สแกน 13 หุ้น Mid-Small Cap เน้นกำไรหรู-พื้นฐานแกร่ง รับมือ SET ปรับฐาน

สแกน 13 หุ้น Mid-Small Cap เน้นกำไรหรู-พื้นฐานแกร่ง รับมือ SET ปรับฐาน นำโดย SEAFCO,PYLON,SQ,TPOLY,WICE,HARN,LIT,ILINK,FN,SNC,NYT,PM,JUBILE


ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มองว่าดัชนีจะเข้าสู่การปรับฐาน เนื่องจากหุ้นบูลชิพส่วนใหญ่ราคาเริ่มเต็มมูลค่าหลายตัว จึงคาดจะเริ่มเห็นการปรับฐานของตลาดฯเมื่อเข้าสู่เดือนต.ค.โดยบรรยากาศดังกล่าวทำให้โบรกเกอร์ปรับกลยุทธ์การลงทุนจากหุ้นบลูชิพมาที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก (Mid Small Cap) และเน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแกร่ง และกำไรครึ่งปีหลังเติบโตสดใส

ดังนั้น“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์”จึงทำการรวบรวมข้อมูลกลุ่มหุ้นดังกล่าวมานำเสนอ โดยรวบรวมข้อมูลมาจากบทวิเคราะห์บล.บัวหลวง,บล.เออีซี และบล.โนมูระ พัฒนสิน โดยกลุ่มหุ้น Mid Small Cap ประกอบด้วย SEAFCO,PYLON,SQ, TPOLY,WICE,HARN,LIT,ILINK,FN,SNC,NYT,PM,JUBILE ตามบทวิเคราะห์ดังนี้

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ดัชนีรอบนี้คาดบริเวณ 1,680 จุด ขึ้นไป ดัชนีฯจะเริ่มมีแรงขายมากขึ้น ด้วยดัชนีฯเริ่มเข้าโซน Super Overbought จาก Indicator Modified stochastic ที่เกิน 90%K ขึ้นไปทั้ง กราฟรายวัน รายสัปดาห์ และ รายเดือน เป็นสัญญาณเตือนของการปรับฐาน บวกกับราคาหุ้นบูลชิพใหญ่ รอบนี้แรลรี่ขึ้นมาจนเต็มมูลค่าหลายตัว ฃ

คาดจะเริ่มเห็นการปรับฐานเมื่อเข้าสู่เดือน ต.ค. แต่แรงขายจะไม่รุนแรง คาดแนวรับสำคัญ MA25 วัน บริเวณ 1,630 จุด จะรับอยู่ และ Wealth effect ที่เกิดจากการแรลรี่ของหุ้นใหญ่จะหมุนเข้าหุ้นกลาง-เล็กที่มีปัจจัยพื้นฐานรอสนับสนุนจะสลับขึ้นแทน

Small-Cap Playbook แนะนำ “ซื้อ” TPOLY เป็นอันดับ 1 โดยมองว่าโดดเด่นที่สุดในกลุ่มรับเหมาตัวเล็กที่ cover อยู่ทั้งหมด 4 บริษัท SEAFCO, PYLON, SQ และ TPOLY ส่องกล้องบริษัทที่มีปัจจัยบวกสนับสนุนการเติบโตโดดเด่นโดยประเมินความแข็งแกร่งของ 4 บริษัทนี้ในหลายแง่มุม ได้แก่

1) ปริมาณ Backlog และ โอกาสที่จะได้งานในอนาคต

2) แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปีนี้

3) การเติบโตของกำไร และ valuation พบว่า TPOLY ติดอันดับบนสุดของทุกการวิเคราะห์ใน 3 ประเด็นดังกล่าว

สำหรับ SQ บริษัทมีจุดเด่นในด้าน backlog จำนวนมาก และการเติบโตที่โดดเด่นเป็นอันดับ 2 ในขณะที่ SEAFCO มีจุดเด่นในแง่ผลประกอบการครึ่งปีหลังจะกลับมาสู่โหมดการเติบโตอีกครั้ง แนะนำ ซื้อ SQ และ SEAFCO เป็นอันดับ 2

 

บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวระหว่าง 1,640-1,680 จุด โดยดัชนีมีโอกาสปรับฐานหลังไร้ปัจจัยใหม่ อีกทั้งมีปัจจัยที่ต้องติดตามทั้งสถานการณ์ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี,การปิดสัญญา Short Future ของนักลงทุนต่างชาติและผลประชุมนโยบายการเงินของกนง.

โดยมองตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงปรับฐานระยะสั้น ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนแนะนำ “เก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง”โดยกำหนดจุด Stop Loss หาก SET ปิดต่ำกว่า 1,640 จุด ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาวแนะนำ “ทยอยแบ่งเข้าซื้อหุ้น Domestic Play” ที่น่าสนใจ ดังนี้

1) กลุ่มโรงแรม: อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยแข็งแกร่ง โดยช่วง 8 เดือนที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 2.35 ล้านคนโต 5.36% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเลือก ERW, MITNT, CENTEL

2) กลุ่มโรงพยาบาล: ช่วงครึ่งปีหลังกำไรปกติ คาดโตทั้งเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบครึ่งแรกปีนี้ หลังเป็น High Season และได้อานิสงส์ปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายประกันสังคมเลือก BDMS, BCH, LPH

3) กลุ่มวัสดุและรับเหมา:แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐคืบหน้าต่อเนื่องเลือก STEC,CK,UNIQ,TASCO,SCC

4) หุ้น Small-cap. ที่ช่วง 2H60 คาดกำไรโตสดใส เลือก WICE, HARN, LIT, ILINK

 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กรณีตลาดพักฐานต่ำกว่า 1650 จุด ลงมาให้ทยอยเพิ่มน้ำหนักหุ้นกลับสู่ 70% อีกครั้ง หลังลดลงมาสู่ 60-50% ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยในสัปดาห์นี้หุ้น Mid Small Cap (FN, SNC, NYT, PM, JUBILE) จะOutperform เด่น และทยอยสะสมกลับหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร (KBANK,BBL,TMB) ในวันนี้และพรุ่งนี้ เพราะประเมินแรงกดดันของกลุ่มเป็นเพียงปัจจัยลบเชิง Sentiment ระยะสั้น ส่วนกลุ่มน้ำมันลงตามการปรับฐานของตลาด PTTEP,PTT ยังเด่นในเชิงพื้นฐานตามราคาน้ำมันขาขึ้น

1) SNC(TP20):อุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นทั้งในและนอกประเทศ หนุนผลกำไรฟื้นไปถึงไตรมาส 1/61

2) JUBILE(TP27):ผลประกอบการฟื้นตัวตามการบริโภคของชนชั้นกลาง+ยอดขายคิตตี้เด่น

3) FN(TP7):ราคาหุ้นลงมารับผลประกอบการไตรมาส3/60ล่วงหน้าไปแล้ว แนะสะสมรับการฟื้นตัว

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button