BEAUTY ดาวเด่นกลุ่มค้าปลีก ปัจจัยบวกเพียบหนุนกำไรโค้งหลังนิวไฮ

BEAUTY ดาวเด่นกลุ่มค้าปลีก ปัจจัยบวกเพียบหนุนกำไรโค้งหลังทำนิวไฮ ฟากโบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" อัพไซด์ยังเหลือ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของ บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY โดยนักวิเคราะห์มองว่า ผลการดำเนินในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ฟื้นตัว และยอดขายในต่างประเทศที่เติบโตแรง อีกทั้งในช่วงไตรมาส 4/60 ยังได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังเป็นช่วงไฮซีซั่นของธรุกิจด้วย

นอกจากนี้บริษัทยังขยายสาขาของโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายให้กับ BEAUTY บวกกับการทำการตลาดและโปรโมชั่นที่จะช่วยเพิ่มยอดขายในต่างประเทศให้เติบโตขึ้น

ขณะที่ ราคาหุ้น BEAUTY ล่าสุดปิดตลาดวานนี้ (27 ก.ย.) อยู่ที่ 15.20 บาท ปรับตัวขึ้น 0.20 บาท หรือ 1.33% มูลค่าซื้อขาย 532.00 ล้านบาท นอกจากนี้ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 17 บาท อยู่ 11.84%

โดย นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BEAUTY เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในรูปแบบของ non-exclusive distributor ใน 3 ประเทศ คือ เมียนมา, ลาว และกัมพูชา ขณะนี้ได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในเมียนมาเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในลาวและกัมพูชาอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/61

ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศอยู่ที่ 13% ของรายได้รวม มากกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ว่าจะทำได้ 8% ของรายได้รวม ซึ่งเป็นผลจากการขยายสาขาของ Independent Shop ในต่างประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน อินโดนีเซีย และจากการมีสินค้าที่ได้รับความนิยมสูง แต่บริษัทยังไม่มีการกำหนดเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในขณะนี้

ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เพื่อขยายตลาดเข้าไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าว โดยที่ผ่านมามีผู้ประกอบการจากตะวันออกกลางเข้ามาเจรจาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายค่อนข้างมาก โดยประเมินว่ายังมีโอกาสในการเติบโตได้ค่อนข้างดี แต่บริษัทจะยังไม่มีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิทั้งปีนี้จะทำได้ไม่ต่ำกว่า 20% หลังจากที่ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทสามารถทำได้แล้วระดับ 30% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นตามการเติบโตของยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีแรกสามารถทำยอดขายต่อสาขาเดิมเติบโตมาอยู่ที่ 17.62% มากกว่าเป้าหมายที่คาด 7-10%

“คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะไตรมาส 4/60 มีแนวโน้มเติบโตค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น และออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติม ประกอบกับเป็นช่วงที่มีการขยายสาขามากที่สุดของปี” นายแพทย์สุวิน กล่าว

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BEAUTY ด้วยราคาเป้าหมาย 17 บาท/หุ้น โดยมองว่าจากกำไรไตรมาส 2/60 ที่ขยายตัวแข็งแกร่ง จะส่งผลให้กำไรไตรมาส 3/60 จะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หนุนกำไรทั้งปีขยายตัว 58% มาที่ 1.03 พันล้านบาท

อีกทั้ง SSSG ยังขยายตัวได้แข็งแกร่ง 13-18% ต่อปี และขยายสาขา 4-5% เป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนยอดขายเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยคาดการณ์รายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น 6 เท่า จาก 177 ล้านบาทในปี 2560 เป็น 2562 ที่ 1.1 พันล้านบาท

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BEAUTY โดยมองว่าแม้ BEAUTY มีฐานสูงในไตรมาส 3/59 แต่ฝ่ายวิจัยคาด BEAUTY จะรายงานกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึงราว 35% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ในไตรมาส 3/60 หนุนโดยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่มขึ้นมาก และยอดขายต่างประเทศเติบโตแรง

ทั้งนี้ การเติบโตในไตรมาส 4/60 จะยิ่งน่าตื่นเต้น หนุนโดยเทศกาลการจับจ่ายใช้สอยและของขวัญที่จะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย. กอปรกับมีฐานต่ำมากในไตรมาส 4/59 จากความต้องการซื้อที่ลดลงในช่วงไว้อาลัย และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาน้อยในปีที่แล้ว ฝ่ายวิจัยคาดกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 87% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ในไตรมาส 4/60 ซึ่งหมายความว่าจะเห็น BEAUTY จะทำกำไรจุดสูงสุดใหม่ในทุกไตรมาสที่เหลือของปีนี้

ขณะเดียวกัน ตลาดต่างประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับการเติบโตระยะยาวของ BEAUTY โดยตั้งแต่ BEAUTY ตั้งทีมดูแลธุรกิจต่างประเทศในปลายปี 2559 ยอดขายต่างประเทศเติบโตอย่างมีนัยยะ โดยทะยานขึ้น 400% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในครึ่งแรกของปี 2560 และหนุนให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 13.4% ของยอดขายรวมในครึ่งปีแรก จาก 7% ในปี 2559 และ 2.9% ในปี 2558

ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตมากที่สุด ตั้งแต่ไตรมาส 2/60 BEAUTY ได้เริ่มทำการตลาดและโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้ชาวจีนรู้จักอย่างจริงจังมากขึ้น โดยทำทั้งในประเทศไทย (ในสนามบินและสถานที่ท่องเที่ยว) และในประเทศจีน (ผ่านการรีวิวของบล็อคเกอร์ และสื่อโซเชียล) อีกทั้งบริษัทได้สร้างโปรแกรม CRM ให้กับผู้ค้าส่งในจีนเพื่อให้พวกเขารู้จักและทำการตลาดผลิตภัณฑ์ BEAUTY ได้ดีขึ้น เราเชื่อว่าความพยายามเหล่านี้จะส่งผลให้ยอดขายทะยานขึ้นในครึ่งหลังปีนี้และปี 2561

นอกจากนี้ ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2560 ผลิตภัณฑ์ของ BEAUTY ได้ถูกวางจำหน่ายใน 19 สาขา ของ 86 Shop ในประเทศไต้หวัน และใน 93 ร้าน ColourMix ในประเทศฮ่องกง หากไม่นับประเทศจีน ยอดขายในประเทศไต้หวันมีสัดส่วนมากที่สุดในบรรดาตลาดต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็น 0.9% ของรายได้รวมในครึ่งแรกของปี 2560 ตามด้วยฮ่องกงที่มีสัดส่วน 0.3%

โดยสัดส่วนรายได้จากสองประเทศนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะในอนาคต เนื่องจากบริษัทจะเพิ่มจำนวนสินค้าเข้าไปมากขึ้น (จากเพียง 10 รายการ ณ ปัจจุบัน) เพิ่มจุดจำหน่าย และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต และออนไลน์

Back to top button