ดีเดย์! TOA ขึ้นสังเวียนเทรดวันแรก ลุ้นวิ่งเกิน 28 บ. รับธุรกิจโตแกร่ง
TOA ไอพีโอน้องใหม่ เข้าซื้อขายในตลาด SET วันแรกลุ้นราคาแตะ 28 บาท กางแผนขยายตลาดต่างประเทศหนุนธุรกิจโตแกร่งในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (10 ต.ค.) บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดวัสดุก่อสร้าง โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 507.6 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทจำนวนไม่เกิน 253.6 ล้านหุ้น ซึ่งคือ บริษัท ไวแบรนท์โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด และหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวนไม่เกิน 254.0 ล้านหุ้น ในราคา IPO ที่ 24 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ TOA มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ 2,029,000,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท มีทุนชำระแล้ว 2,029 ล้านบาท
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA เปิดเผยว่า ในการซื้อขายบนกระดานหลักทรัพย์ฯ เชื่อมั่นว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มั่นใจในพื้นฐานของบริษัท และศักยภาพในการขยายธุรกิจสีทั้งในและต่างประเทศ โดยเม็ดเงินที่บริษัทระดมทุนได้มา จะนำมาต่อยอดขยายธุรกิจของบริษัททั้งในและต่างประเทศ พัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในบริษัท รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายจะเป็นผู้นำตลาดสีในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการลงทุนก่อสร้าง หรืออยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการในต่างประเทศอีก 3 แห่ง โดยจะใช้เงินลงทุนรวม 1,184 ล้านบาท ได้แก่ โรงงานผลิตแห่งแรกในประเทศอินโดนีเซีย โรงงานผลิตในประเทศเมียนมา ซึ่งมีแผนจะย้ายโรงงานจากเมืองย่างกุ้งไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา และโรงงานผลิตในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2/61 ไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 ตามลำดับ
โดยเมื่อโรงงานผลิตสีทั้ง 3 แห่งก่อสร้างแล้วเสร็จและดำเนินการตามแผนการปิดโรงงานย่างกุ้ง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในต้นปี 2562 นั้น TOA จะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 102.5 ล้านแกลลอนต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 88.0 ล้านแกลลอนต่อปี ไม่รวมกำลังการผลิตของ TOA Skim Coat (Cambodia) Co., Ltd. ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานผลิต 8 แห่ง ใน 6 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย 3 แห่ง และเวียดนาม สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา และกัมพูชา ประเทศละ 1 แห่ง
“การขายหุ้นไอพีโอเพื่อระดมทุนในครั้งนี้ จะทำให้เราเพิ่มโอกาสขยายตลาดต่างประเทศได้อย่างเต็มตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งในวันนี้เรามีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศอยู่แล้วประมาณ 13% แต่ภายใน 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึงระดับ 20% เมื่อบวกกับตลาดในไทยที่ยังเติบโตได้ดีมาตลอด จะทำให้ TOA เติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต” นายจตุภัทร์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดปี 2558 มีรายได้จากการขายรวม 16,753 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,117 ล้านบาท ขณะที่งวดปี 2559 มีรายได้จากการขายรวม 16,297 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2,507 ล้านบาท และล่าสุดงวดครึ่งปีแรกของปี 2560 ที่ผ่านมา มีรายได้จากการขายรวม 7,718 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 895 ล้านบาท
ด้านนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า TOA เป็นบริษัทสีของคนไทยที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศได้สูงสุดท่ามกลางการแข่งขันกับผู้ประกอบการต่างชาติ โดยมีจุดแข็งด้านแบรนด์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมความพร้อมด้านฐานการผลิต รวมถึงมีทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีประสบการณ์สูง โดยหลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยิ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินยิ่งขึ้น รวมถึงส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน
ด้านนายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า TOA เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสีและสารเคลือบผิวชั้นนำของไทยที่มีศักยภาพในการเติบโตที่ดี โดยมีการวางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการขยายธุรกิจจากประเทศไทยไปยังภูมิภาคอาเซียน ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มที่ความต้องการใช้สีจะเพิ่มขึ้นในอนาคตจากปัจจัยสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมก่อสร้างและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในแต่ละประเทศ จึงเชื่อว่า TOA จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น TOA เข้าซื้อขายในวันแรก (10 ต.ค.) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นถึง 28.80 บาท จากราคา IPO ที่ 24 บาท โดยคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 22 เท่า และกำไรต่อหุ้นที่ 1.26 บาท โดยมองว่า รากฐานที่แข็งแกร่งของโครงสร้างธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีในรูปแบบต่างๆ จะเป็นแรงผลักดันให้ TOA เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต