TISCO ตัวท็อป! ลุ้นฟันกำไร Q3 ทะลุ 1.5 พันลบ. สูงสุดเป็นประวัติการณ์
TISCO ตัวท็อป! ลุ้นฟันกำไร Q3 ทะลุ 1.5 พันลบ. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้าน โบรกฯ ชูเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม รับปัจจัยหนุนเพียบ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ของบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO หลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 3/60 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย กลุ่มธุรกิจการเงิน
โดยนักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า TISCO จะประการผลประกอบการประจำไตรมาส 3/60 ในวันนี้ (11 ต.ค.) และคาดว่าแนวโน้มกำไรจะทำจุดสูงสุดใหม่ หลังจากตั้งสำรองหนี้สูญลดลง รายได้จากการปล่อยสินเชื่อและค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น
ขณะที่ราคาหุ้น TISCO ปิดตลาดวานนี้ (10 ต.ค.) อยู่ที่ 80 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 0.62% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 562.07 ล้านบาท ทั้งนี้ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 94 บาท อยู่ 17.5%
โดย นักวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม” TISCO พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 94 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าในปี 60 สินเชื่อจะเติบโต 15% จากการซื้อพอร์ตสินเชื่อจาก SCBT แต่กำไรจะไปเห็นผลบวกเต็มที่ในปี 61 เมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารอื่นๆ ถือว่ามีประสิทธิภาพทำกำไรสูงสุด โดยมี ROE ประมาณ 17% และ D/P ประมาณ 5% ต่อปี
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” TISCO ให้ราคาเป้าหมายที่ 89 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าจะประกาศงบไตรมาส 3/60 ในวันนี้ (11 ต.ค.) และคาดว่ากำไรทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1.57 พันล้านบาท เติบโต 26% จากปีก่อน หรือโต 4.5% จากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้เป็นผลมาจากกการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นและ Spread ที่อยู่ในระดับสูงราว 4.8% จากส่วนผสมของสินเชื่อที่เป็น High-yield loan มากขึ้น นอกจากนี้ยังคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้เติบโต 20% จากปีก่อน และในปี 61 จะเติบโต 11% จากปีก่อน
ด้าน นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” TISCO คาดว่ากำไรสุทธิประจำไตรมาส 3/60 ที่ 1.6 พันล้านบาท โต 26.9% จากปีก่อน หรือโต 5.4% จากไตรมาสก่อน ซึ่งถือว่าโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคารฯ ปัจจัยหนุนการเติบโตกำไรมาจากการตั้งสำรองที่ลดลงในไตรมาส และได้รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ TISCO ยังเป็นหุ้นที่มีคุณภาพของสินเชื่อดีที่สุดในกลุ่มธนาคารเล็ก NPL ratio จะลดลงเหลือ 2.36% จาก 2.41% ในงวดไตรมาส 2/60 และ coverage ratio คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8 ไตรมาสติดต่อกันมาอยู่ที่จุดสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 183%