สยอง! 16 หุ้น mai ดิ่งเหวไม่เลิก 9 เดือนราคาทรุดเกิน30%  

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 9 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-29 ก.ย.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนลดลงเกิน 30%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 9 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-29 ก.ย.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนลดลงเกิน 30% อาทิ EFORL, DCORP, TSF, KOOL, AUCT, TVD, HOTPOT, PPM, SEAOIL, VTE, ASN, UREKA, TACC, SALEE, IRCP และ PHOL

อย่างไรก็ตามการนำเสนอหุ้นที่ปรับตัวลงแรงดังกล่าวไม่สามารถนำเสนอข้อมูลหุ้นได้ครบทุกตัว ดังนั้นครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นเพียง 5 อันดับแรกของตารางมาประกอบการลงทุนเท่านั้น

อันดับ 1 บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง  62.96% มาอยู่ที่ระดับ 0.10 บาท (29 ก.ย.60) ลบ 0.17 บาท จากระดับ 0.27 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวลดลงตลอด 9 เดือนที่ผ่าน เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรก่อนหน้าทยอยขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง ขณะเดียวกันหุ้นไม่มีปัจจัยมาสนับสนุน อีกทั้งผลประกอบการไม่สดใส และยังมีคดีฟ้องร้องของบลจ.โซลาริสคดี กรณีบริษัทย่อยผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน และบริษัทถูกฟ้องร้องในฐานะผู้ค้ำประกันยิ่งทำให้ราคาหุ้นไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้

 

อันดับ 2 บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DCORP  ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง 54.57% มาอยู่ที่ระดับ 4.18 บาท (29 ก.ย.60) ลบ 5.02 บาท จากระดับ 9.20 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา

โดยบริษัทรับจัดหา ผลิต และ/หรือร่วมผลิตรายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งให้บริการจัดการพลังงาน (Energy Saving Service) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงหลังประกาศงบปี 59 ออกมาไม่สดใสในช่วงเดือนมีนาคม 60 ทำให้นักลงทุนที่คาดหวังผลกำไรจะออกมาดีเทขายหุ้นอย่างหนัก

อีกทั้งแผนงานวางไว้ไม่มีความคืบหน้า ประกอบผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกปี 60 ยังขาดทุน 18.30 ล้านบาท ยิ่งทำให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นออกมาตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามราคาหุ้นจะกลับมาสดใสได้อีกครั้งหรือไม่หลังบริษัทมีแผนเข้าลงทุนโครงการเดอะมาร์เวลเอ็กซ์พีเรียนซ์ไทยแลนด์

โดยบริษัทมีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในโครงการเดอะมาร์เวลเอ็กซ์พีเรียนซ์ไทยแลนด์:ธีมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ แอ็ทแทรคชั่น (THe Marvel Experience : Theme Entertainment Attraction -TMX) ซึ่งเป็นแหล่งให้ความบันเทิงในรูปแบบดิจิทัล ไฮเปอร์ เรียลลิตี้ ในบริษัทฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด โดยจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนและเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 805,264 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของบริษัท โดยจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคาหุ้นละ 335.29377 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 270 ล้านบาท

นอกจากนั้น DCORP จะเข้าซื้อหุ้นสามัญของ ฮีโร่ฯ จากบริษัท แทรเวล แชนแนล เอเจนซี่ จำกัด จำนวน 67,106 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.5% ของทุนจดทะเบียน ในราคาหุ้นละ 149.018 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 10 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ต.ค.60

โดยการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนนี้เป็นการซื้อหุ้นในราคาที่สูงกว่ามูลค่าที่ตราไว้ เนื่องจากบริษัทได้พิจารณาตรวจสอบสถานะกิจการและประเมินมูลค่าของฮีโร่ฯ ที่ประเมินโดยผู้ประเมินอิสระแล้วเห็นว่าฮีโร่ฯ มีมูลค่าเท่ากับ 2,616 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเข้าลงทุนซื้อหุ้นในสัดส่วน 32.50% ซึ่งเป็นมูลค่า 850.20 ล้านบาท แต่จาการเจรจาต่อรองของบริษัทได้ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 280 ล้านบาท เพื่อให้ได้หุ้นในสัดส่วนดังกล่าวจึงถือเป็นการเข้าซื้อที่ราคาเหมาะสม

 

อันดับ 3 บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSF ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง 53.85% มาอยู่ที่ระดับ 0.39 บาท (29 ก.ย.60) ลบ 0.21 บาท จากระดับ 0.39 บาท (30 ธ.ค.59) โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลงตลอด 9 เดือนที่ผ่าน เนื่องจากเป็นหุ้นราคาถูกและง่ายต่อการดันราคา ดังนั้นเวลาหุ้นขึ้นแรงก็ย่อมมีแรงเทขายออกมาหนักเช่นกัน

อย่างไรก็ตามล่าสุดบริษัทได้ลงนามสัญญาซื้อขายพื้นที่โฆษณาแบบเหมาจากบริษัท เน็คท์คิวบ์ จำกัด เพื่อซื้อพื้นที่โฆษณาประเภท Digital Billboard แบบเหมา จากผู้ขายประเภทในพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และต่างจังหวัด เป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561-31 ธันวาคม 2561 และขยายระยะเวลาของสัญญาได้เท่าที่ได้รับอนุมัติจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT

โดยมีค่าซื้อพื้นที่โฆษณาขั้นต่ำตลอดอายุของสัญญา จำนวน 33 ล้านบาท และค่าพัฒนาโปรแกรมระบบบริหารจัดการข้อมูลโฆษณาประชาสัมพันธ์ และสิทธิบัตรซอฟท์แวร์ จำนวน 15 ล้านบาท

ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ทางการค้าในการจัดเก็บผลประโยชน์ ด้วยการนำพื้นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ภายในท่าอากาศยานมาขายให้แก่ลูกค้าของบริษัท เนื่องจากเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ซึ่งมีผู้อยู่ใช้บริการจำนวนมาก สามารถดึงดูดใจให้ลูกค้ามาใช้บริการป้ายโฆษณาเป็นจำนวนมาก และเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยเงินลงทุนจะมาจากเงินสดคงเหลือและทุนหมุนเวียนของบริษัท

 

อันดับ 4 บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง  45.82% มาอยู่ที่ระดับ 2.98 บาท (29 ก.ย.60) ลบ 2.52 บาท จากระดับ 5.50 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวลดลงตลอด 9 เดือนที่ผ่าน  เนื่องจากนักลงทุนเข้าไปเก็งกำไรผลประกอบการและแผนงานที่โดดเด่น แต่เมื่อบริษัทประกาศผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 60 ขาดทุนสุทธิ 18.59 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 101.96 ล้านบาท ยิ่งทำให้นักลงทุนผิดหวังและเทขายหุ้นอย่างหนัก อีกทั้งหุ้นไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา

สำหรับบริษัทดำเนินธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์พัดลมไอเย็น พัดลมไอน้ำ และพัดลมอุตสาหกรรม ภายใต้ตราสินค้า “MASTERKOOL” และ “Cooltop” นอกจากนี้บริษัทยังให้บริการเช่าใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว รวมถึงออกแบบและติดตั้งระบบระบายความร้อน และระบบโอโซน

 

อันดับ 5 บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง 39.05% มาอยู่ที่ระดับ 6.40 บาท (29 ก.ย.60) ลบ 4.10 บาท จากระดับ 10.50 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวลงตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากหุ้นไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน อีกทั้งผลประกอบการครึ่งแรกปี 60 ไม่สดใสโดยงวด 6 เดือนมีกำไร 47.12 ลบ. ลดลง 16.14% จากปีก่อนมีกำไร 56.18 ลบ.ยิ่งทำให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นออกมาในช่วงดังกล่าว

สำหรับบริษัทประกอบธุรกิจให้บริการเป็นคนกลางในการจัดการประมูลทรัพย์สินทุกประเภท รวมทั้งให้บริการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประมูล เช่น การเคลื่อนย้ายทรัพย์สินที่ทำการประมูล การประสานงานกับสถาบันการเงินในการหาแหล่งเงินทุนในการซื้อทรัพย์สินแก่ผู้ประมูล การรับฝากขายทรัพย์สินที่เข้าประมูล แต่ไม่สามารถจบการประมูลได้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การให้บริการด้านอื่นๆ นั้น เป็นการให้บริการเสริมเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของทรัพย์สินหรือผู้ประมูลซื้อ

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button