TITLE ออร่าฟุ้ง! ลุ้นวิ่งทะลุเป้า 4 บาท อวดพื้นฐานแน่น-จุดเด่นเพียบ
TITLE ออร่าฟุ้ง! เทรด mai วันแรกลุ้นราคาวิ่งทะลุเป้า 4 บาท อวดพื้นฐานแน่น-จุดเด่นเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (2 พ.ย.) บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรม หมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคา IPO 2.20 บาทต่อหุ้น โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด มหาชน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ด้านนายเด่นดนัย หุตะจูฑะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TITLE เปิดเผยว่า มั่นใจว่าหุ้นที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จะได้รับการตอบรับที่ดีและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น เนื่องจากบริษัทมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เป็นอันดับ 1 ของหาดราไวย์ จ.ภูเก็ต
อีกทั้งยังมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นชาวต่างชาติ ทำให้ลดความเสี่ยงจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ซึ่งเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง (57-59) อยู่ที่ 50%
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน โดยมีแผนขยายโครงการไปยังทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการในทำเลที่ 2 คือ หาดในยาง และตั้งเป้าหมายในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มทำเลที่ 3 อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
ด้านนายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว กรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการสายงานวางแผนและควบคุม TITLE เปิดเผยว่า ภายหลังจากได้เงินจากการระดมทุนเข้ามาจะทำให้ TITLE มีศักยภาพและความแข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของการดำเนินธุรกิจและฐานะทางการเงิน ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ
และด้วยฐานรายได้ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้มีโอกาสที่ผลประกอบการของบริษัทในปีต่อๆ ไปจะเติบโตแบบก้าวกระโดด จากศักยภาพและความสามารถในการซื้อที่ดินเพิ่มและผุดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ต้องรอให้จบทีละโครงการจึงจะเริ่มผุดโครงการใหม่ได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา
ทั้งนี้ TITLE มีจุดแข็งที่แตกต่างจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายอื่น 5 ข้อ คือ 1. เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยวที่เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าต่างชาติ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ, 2.เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยวที่เน้นขายชาวต่างชาติ โดยการรับดาวน์ 75% ทำให้มีต้นทุนทางการเงินต่ำ และหมดปัญหาเรื่องการโอนฯ
3.เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยวที่มีกำไรขั้นต้นสูง เนื่องจากบริหารโครงการเอง ไม่ผ่านผู้รับเหมา ทำให้ไม่เสียค่าดำเนินการควบคุมอัตราการสูญเสีย, 4.เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยวที่ยิ่งเล็กยิ่งน่าสนใจ พร้อมเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยไม่กังวลคู่แข่ง และเป็นเบอร์1 ของราไวย์ ที่พร้อมก้าวไปยังหาดในยาง และเป้าหมายไปยังหาดที่ 3 ต่อเนื่อง
และ 5 บริษัทมียอด D/E ratio ที่ยิ่งสูงยิ่งแข็งแกร่ง เนื่องจากเป็นหนี้ที่รอการรับรู้เป็นรายได้ เนื่องจากรับเงินล่วงหน้าสูงถึง 75%
นอกจากนี้ การระดมทุนดังกล่าวยังทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในโครงการ จึงทำให้ภาพรวมของโครงการมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำมาก ดังนั้นเชื่อว่าเมื่อหุ้น TITLE เข้าซื้อขายในวันแรกนี้จะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากนักลงทุน
ขณะที่นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TITLE เปิดเผยว่า คาดว่าเมื่อ TITLE เข้าซื้อขายในตลาด mai วันแรกจะประสบความสำเร็จและให้ผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุน เนื่องจากในช่วงเปิดขายหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 16-18 ต.ค.60 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยมีประสบการณ์ในธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี ทำให้เข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
ประกอบกับ TITLE มีจุดแข็งในการบริหารงาน ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (57-59) อยู่ที่ 50% เนื่องจาก TITLE บริหารโครงการเอง ไม่ผ่าน contractor ทำให้ไม่เสียค่าดำเนินการและควบคุมอัตราการสูญเสีย เชื่อว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการกำหนดราคา IPO ที่เหมาะสม 2.20 บาท เมื่อ TITLE เข้าซื้อขายวันแรกจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนและให้ผลตอบแทนที่น่าประทับใจให้กับผู้ลงทุน
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น TITLE เข้าซื้อขายในวันแรก (2 พ.ย.) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นถึง 4.20 บาท หรือ 90% จากราคา IPO ที่ 2.20 บาท โดยคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 35 เท่า และกำไรต่อหุ้นที่ 0.12 บาท อีกทั้งยังมองว่า TITLE จะได้รับผลบวกจากโครงการใหม่ที่กำลังเปิดขายในช่วงไตรมาส 4/60