ดีเดย์! ไอพีโอน้องใหม่ ADB เทรดวันแรกลุ้นวิ่งทะลุเป้า 2 บ.
ADB ไอพีโอน้องใหม่ เข้าซื้อขายในตลาด mai วันแรกลุ้นราคาแตะ 2.20 บาท เล็งนำเงินระดมทุนใช้ขยายธุรกิจ-ชำระเงินกู้สถาบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (9 พ.ย.) บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรม โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น ในราคา IPO ที่ 1.69 บาทต่อหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ทั้งนี้ ADB มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วมีจำนวน 420 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้น IPO เพื่อระดมทุนนำไปซื้อเครื่องมือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตสินค้าเพื่อขยายธุรกิจในอนาคต ชำระเงินกู้จากสถาบันการเงิน ใช้ลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ด้านนายหวัง วนาไพรสณฑ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADB เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันนี้ (9 พ.ย.) โดยใช้ชื่อย่อ “ADB” ในการซื้อขาย ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจที่ดีจากนักลงทุนที่มั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจและแผนขยายการลงทุนที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ ADB มีเป้าหมายจะขยายฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC และจะขยายช่องทางการจำหน่ายในกลุ่มลูกค้าเดิมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนว
ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์กาวชนิดต่างๆ เพื่อใช้ยึดติดวัสดุ และ ผลิตภัณฑ์ยาแนว แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อะคริลิกยาแนวสำหรับอุดรอยต่อที่มีความยืดหยุ่นน้อยและคงทนต่อสภาพแวดล้อมต่ำ และผลิตภัณฑ์ซิลิโคนยาแนวสำหรับอุดรอยต่อที่มีความยืดหยุ่นและคงทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมสูง
โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทและรับจ้างผลิต (OEM) ให้แก่เจ้าของตราสินค้าชั้นนำในระดับสากล นอกจากนี้ยังผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมที่ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์กาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพยึดติดวัสดุและเสริมศักยภาพของกาว
กลุ่มที่ 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ ประกอบด้วย 1.ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกพีวีซี แบบนิ่มที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมสายไฟและสายเคเบิ้ล และแบบแข็งซึ่งนำไปขึ้นรูปเพื่อผลิตขอบคิ้วเฟอร์นิเจอร์ ฟิล์มฉลากบรรจุภัณฑ์ต่างๆ และข้อต่อท่อพีวีซี 2.เส้นใยสังเคราะห์โพลีโพรพิลีน เพื่อแปรรูปและใช้เป็นฟิลเลอร์ร่วมกับเม็ดพลาสติกในกระบวนการผลิตสายไฟและสายเคเบิ้ล และ 3.เม็ดเทอร์โมพลาสติกอิลาสโตเมอร์ ที่นำไปขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปตามความต้องการ
นอกจากนี้บริษัทมีแผนสร้างการเติบโตในอนาคต โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานใหม่ใน จ.สมุทรปราการ คาดว่าใช้งบลงทุนรวม 230 ล้านบาท เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์กาวและยาแนว 4 รายการ แบ่งเป็นการผลิตสินค้าใหม่ ได้แก่ 1.ซิลิโคนยาแนว และ 2.โมดิฟายซิลิโคนพอลิเมอร์สำหรับยาแนว และเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าในปัจจุบัน ได้แก่ 1.อะคริลิกยาแนว และ 2.กาวแทนตะปู
โดยผลิตภัณฑ์ยาแนวนั้นมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี คาดว่าโรงงานใหม่จะเริ่มผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/61 และจะผลิตเต็มประสิทธิภาพได้ในปี 63 ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ชนิดดังกล่าว มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 13,590 ตันต่อปี
ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกพีวีซีเพื่ออุตสาหกรรมการแพทย์ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกฮาโลเจนฟรีเพื่อนำไปใช้ผลิตสายไฟที่ก่อให้เกิดควันและสารพิษต่ำเมื่อถูกไฟไหม้ ตอบสนองความต้องการใช้งานผลิตภัณฑ์จากพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 (ก.ค.-ก.ย.60) กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายได้รวม 355.17 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 6.06% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่มีกำไรสุทธิ 9.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 524% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทเชื่อว่าได้ผ่านช่วงผลการดำเนินงานที่ต่ำสุดมาแล้วในครึ่งปีแรก และกำลังจะกลับสู่ภาวะการดำเนินงานที่ดีขึ้นเหมือนที่ผ่านมาและจะดีขึ้นเรื่อยๆ จากการขยายธุรกิจตามแผนงาน
“ทิศทางการดำเนินงานของ ADB จะมุ่งขยายตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ โดยเรามีการติดตามการเปลี่ยนแปลงความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการในตลาด พร้อมทั้งใช้จุดแข็งของทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่พร้อมทำงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาสินค้าตามความต้องการเฉพาะราย” นายหวัง กล่าว
ด้านนางสุนิต วิสุทธิโกศล กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดว่า มีความเชื่อมั่นใน ADB ว่าจะเป็นบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดีในอนาคตและจะเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจมากกว่า 30 ปีและมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
โดยมีการกำหนดยุทธศาสตร์มุ่งไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรที่ดีหรือเป็นสินค้านวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มเพื่อรุกไปยังตลาดที่มีการแข่งขันไม่รุนแรงหรือมีผู้พัฒนาสินค้าเพียงไม่กี่ราย
ขณะเดียวกัน ADB ยังมีความพร้อมด้านสินค้าที่หลากหลายและบริการอย่างครบวงจรแบบวันสต็อปเซอร์วิส รวมถึงมีจุดแข็งด้านทีม R&D ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการในตลาด หรือพัฒนาสินค้าที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะราย ช่วยสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า ประเมินราคาพื้นฐานปี 2561 ของ ADB ที่ 2.20 บาท ค่า PE ที่ 19.6 เท่า โดยคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 61 จะเติบโตจากฐานผลประกอบการที่ตํ่าในปี 60 ขึ้นสู่ระดับ 68 ล้านบาท หรือคิดเป็น EPS เท่ากับ 0.11 บาท