เปิดโผ 12 หุ้นอัพกำไรปี 60-61 โตกระฉูด! แนะสอยเป้าสูง-อัพไซด์เพียบ

เปิดโผ 12 หุ้นอัพกำไรปี 60-61 โตกระฉูด! แนะสอยเป้าสูง-อัพไซด์เพียบ นำโดย JMT,IVL,WORK,TFG,SAT,STANLY, SNC,SMIT,MCS,MTLS, KCE และ HMPRO


ตลาดหุ้นวานนี้ปรับตัวขึ้นมายืนที่ระดับ 1700 จุด เนื่องจากได้แรงหนุนจาก MSCI ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย 2.1% เป็น 2.11% ซึ่งหุ้นที่เพิ่มเข้าไปเป็นหุ้นบิ๊กแคป คือ IVL, KBANK, TOP, PTTGC, SCB  ซึ่งมีผลในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ทำให้จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาจากองทุนที่ลงทุนตาม MSCI

ส่วนสัปดาห์นี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายของการประกาศงบการเงินไตรมาส 3/60 แม้จะมีแรงขายทำกำไร Sell on Fact เกิดขึ้น แต่เชื่อว่าจะมีแรงซื้อกลับในกลุ่มหุ้นที่รายงานในสัปดาห์ก่อน อีกทั้งสัปดาห์นี้จะมีงาน SET In the City 16-19 พ.ย.60 จึงคาดว่าจะทำให้เกิดคำสั่งซื้อ LTF และจะเป็นตัวช่วยให้ SET Index ปรับตัวขึ้นต่อ

ดังนั้น“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมหุ้นที่น่าลงทุนหลังประกาศงบไตรมาส 3/60 ออกมาอย่างโดดเด่นและมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องในงวดไตรมาส 4/60 และนักวิเคราะห์ได้มีการปรับประมาณการกำไรปี 60-61 เพื่อเป็นอีกกลยุทธ์ในการลงทุน โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวคัดเลือกมาจากบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส,บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง,บล.ฟิลลิป โดยหุ้นที่คัดเลือกมามีทั้งหมด 12 ตัว ประกอบด้วย JMT,IVL,WORK,TFG,SAT,STANLY,SNC,SMIT,MCS,MTLS, KCEและ HMPRO ซึ่งบทวิเคราะห์ได้ระบุเอาไว้ดังนี้

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SET ปรับฐานเป็นสิ่งที่คาดหมายไว้เพราะเกิดจากแรงขายรับงบ 3Q60 แม้แรงหนุนจาก LTF ยังมีอยู่ แต่ยังถูกหักล้างจากต่างชาติที่ยังซื้อสลับขายอยู่ อย่างไรก็ตามกลยุทธ์เน้นหุ้นที่มีผลกำไรดีกว่าคาดและมีการปรับเพิ่มกำไรขึ้นดังนี้

JMT (FV@B37) ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-61 ขึ้นจากเดิม 10.2 และ 11.1% ตามลำดับ โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าเติบโต 30%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 19%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ แนะนำซื้อ

IVL ([email protected]) ปรับประมาณการฯ ปี 2560-61 ขึ้นจากเดิม 5.7 และ 5.5% ตามลำดับ โดยคาดกำไรปกติปีนี้และปีหน้าเติบโต 58% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 35%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ แนะนำซื้อ

WORK (FV@B135) ปรับประมาณการฯ ปี 2560-61 ขึ้นจากเดิม 25 และ 36% ตามลำดับ โดยคาดกำไรฯ ปีนี้และปีหน้าเติบโต 431%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 33% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ แนะนำซื้อ

TFG (FV@B7) ปรับประมาณการฯ ปี 2560-61 ขึ้นจากเดิม 10.2 และ 11.3% ตามลำดับ โดยคาดกำไรฯ ปีนี้และปีหน้าเติบโต 31%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 17%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ เพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ

SAT ([email protected]) ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-61 ขึ้นจากเดิม 9.5 และ 6.3% ตามลำดับ โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าเติบโต 18%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 3%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ แต่ราคาหุ้นปัจจุบันมี upside จำกัด จึงแนะนำ switch ไป STANLY (FV@B259) หรือ SNC ([email protected])

SMIT ([email protected]) ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-61 ขึ้นจากเดิม 6.8 และ 10.6% ตามลำดับ โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าเติบโต 16.7%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 6.1%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ แต่ราคาหุ้นปัจจุบันมี upside จำกัด จึงแนะนำ switch ไป MCS (FV@B20)

 

บล.ฟิลลิป ระบุว่า MTLS ปรับประมาณการกำไรขึ้น ปรับราคาพื้นฐานเป็น 43 บาท แนะนำ “ทยอยซื้อ” : ทางฝ่ายปรับประมาณการกำไรปี 60 -61 ขึ้นเป็น 2.26 และ 3 พันล้านบาทตามลำดับ จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่น้อยกว่าคาด ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 43 บาท มองว่าการเติบโตยังน่าจะโดดเด่นต่อเนื่องอีกหลายปียังคงแนะนำ “ทยอยซื้อ”

บล.ฟิลลิป ระบุว่า HMPRO ปรับประมาณการปี 61 ขึ้น โดยมองราคาพื้นฐานอยู่ที่ 13.60 บาท: ทางฝ่ายปรับประมาณการกำไรปี 60-61 เพิ่มขึ้น 6.6% และ 7.3% ตามลำดับ บนมุมมองภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น การเติบโตของสาขา รวมถึงการจัดการที่เพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลบวกต่อ GPM ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ทยอยซื้อ” ราคาพื้นฐานที่ 13.60 บาท

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า KCE ปรับประมาณการกำไรปี 60-61 ลง 17% และ 21% ตามลำดับจาก 1) แนวโน้มปริมาณการผลิตที่น้อยกว่าคาดหลังกำลังการผลิตใหม่ต้องใช้ระยะเวลาในการ Fine-tune ค่อนข้างนานก่อนขึ้นกำลังการผลิตได้เต็มที่ 2) ลด Gross margin ลง หลังแนวโน้มสัดส่วนสินค้า Margin สูง (HDI, High multi-layer) ยังไม่เปลี่ยนสัดส่วนต่อรายได้รวมอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เราปรับราคาเหมาะสมในปี 61 ลงมาที่ 96.00 บาทต่อหุ้น พร้อมกับปรับคำแนะนำลงมาเป็น “Neutral

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำหรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตามล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน   

Back to top button