เปิดชื่อตัวเต็งเข้าSET50-SET100ครึ่งแรกปี 61 สถิติชี้เก็บก่อนเข้าคำนวณรับรีเทิร์นสูงปรี๊ด
เปิด 13 ตัวเต็งเข้าคำนวณ SET50-SET100 ครึ่งแรกปี 61 สถิติชี้ชัดดักเก็บก่อนมีผลรับรีเทิร์นสูงปรี๊ด
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย (บจ.) ที่คาดว่าจะได้รับคัดเลือกเพื่อนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะมีการทบทวนเป็นประจำทุกๆ 6 เดือน
โดยในครั้งนี้จะเป็นการประกาศรายชื่อบจ.ที่เข้าคำนวณในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2561 ถึง 30 มิถุนายน 2561 และมีการคาดการณ์ว่าจะประกาศรายชื่อออกมาภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้หุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณจะเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ และกองทุนมากขึ้น เนื่องจากหุ้นที่อยู่ใน SET50 และ SET100เป็นหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง และการซื้อขายมีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ หุ้นจึงมักมีราคาหุ้นปรับตัวในทิศทางที่ดีกว่าตลาดในระยะสั้น
ด้านนักวิเคราะห์เริ่มคาดการณ์รายชื่อหุ้นที่จะได้เข้าคำนวณในรอบครึ่งปีแรกปี 61 ออกมา พร้อมแนะนำหนุนซื้อล่วงหน้าเก็บผลตอบแทนสูง ทั้งนี้สถิติที่ผ่านมาจะพบว่า หุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50 มักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก ด้วยความน่าจะเป็น 65% หากซื้อก่อนประกาศผลล่วงหน้า 1 เดือน (ซื้อก่อนวันเข้าคำนวณจริง 1 เดือนครึ่ง) โดยจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.96% หากขายในวันประกาศ หรือหากไปขายหลังวันประกาศผล 2 สัปดาห์ถัดไปจะได้ผลตอบแทนรวมถึง 4.5% ซึ่งผลที่เกิดขึ้นจะตรงกันข้ามกับหุ้นที่ถูกนำออกจาก SET50 มักจะมีผลตอบแทนปรับลดลงก่อนถึงวันคำนวณจริง 1 เดือนกว่า 2.33% ด้วยความน่าจะเป็นในการปรับลดลงถึง 70%
โดยบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด คาดหุ้นเข้า SET50 รอบใหม่ได้แก่ (+) บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ,บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ,บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP หุ้นออกได้แก่ (-) บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ,บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ,บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ติดตามการประกาศรายชื่อหุ้น เข้า/ออก SET 50/100 รอบใหม่ ในช่วงปลายสัปดาห์ เบื้องต้นตลาดส่วนใหญ่ว่าคาดหุ้นเข้า SET50 คือ SAWAD, TPIPP,CENTEL ออกจาก SET50 คือ TPIPL, PSH, KCE
ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET100 คือ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP, บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS,บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO, บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW, บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA, บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI, บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP, บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PLAT,บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หรือ COL และ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG
ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะถูกปรับออก คือ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI,บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL,บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG, บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE, บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONO,
อีกทั้งบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM,บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA, บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ LPN,บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ และ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN
*อนึ่งเกณฑ์การคัดเลือกดัชนี SET50 และดัชนี SET100 นั้นจะมีจำนวนหลักทรัพย์ที่ใช้รวมคำนวณ 50 หลักทรัพย์และ 100 หลักทรัพย์ตามลำดับ เพื่อให้หลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนียังคงมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ได้แก่ เป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง มีสภาพคล่องสูง พร้อมทั้งมีสัดส่วนการกระจายถือหุ้นของผู้ลงทุนรายย่อยไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมีการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์อย่างสม่ำเสมอ ในที่นี้ คือ ทุกๆ 6 เดือน จะมีการประกาศให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้าก่อนที่จะนำไปรวมคำนวณในดัชนีเพื่อเผยแพร่เป็นการทั่วไป เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายการลงทุนที่วางไว้ได้