ดีเดย์! ไอพีโอป้ายแดง SKE เทรดวันแรกลุ้นวิ่งทะลุเป้า 2.50 บ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (22 พ.ย.60) บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด มหาชน หรือ SKE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 237,200,000 หุ้น ในราคา IPO ที่ 1.80 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ SKE มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และหุ้นชำระแล้ว 930 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 465 ล้าน

นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด มหาชน หรือ SKE เปิดเผยว่า บริษัทขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ซึ่งเป็นหุ้นใหม่ทั้งหมด 237,200,000 หุ้น ที่มูลค่าพาร์ละ 0.50 บาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 25.51 ของจำนวนหุ้นสามัญของบริษัทที่ราคา 1.80 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะได้เงินในการระดมทุนครั้งนี้ 427 ล้านบาท

โดยบริษัทมีจุดแข็งคือ มีรายได้และกำไรที่มั่นคงและสม่ำเสมอ ด้วยสัญญาอัดก๊าซให้กับกลุ่มปตท.ยาวนานถึง 20 ปี ซึ่งปัจจุบันยังมีอายุสัญญาอีก 12-13 ปีซึ่งสามารถต่อสัญญาได้อีก นอกจากนี้บริษัทยังมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง

รวมถึงมีทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานและการขนส่งเป็นอย่างดี และโอกาสในการขยายธุรกิจพลังงานให้ครบวงจร โดยปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 465 ล้านบาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 346.40 ล้านบาท

พร้อมทั้งทีมผู้บริหารมีความรู้และความเชี่ยวชาญในธุรกิจขนและโลจิสติกส์ส่งมากว่า 30 ปี และได้ศึกษานวัตกรรมต่างๆ ในธุรกิจพลังงาน ซึ่งเราเชื่อว่ามีโอกาสในการลงทุนมากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านพลังงานทดแทน ทั้งในรูปแบบ SPP Hybrid Biomass Biogas และโครงการ VSPP ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เข้าประมูลในบางโครงการ และมีแผนงานที่จะลงทุนในด้านนี้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีสถานีก๊าซธรรมชาติของบริษัทฯ 2 สถานี คือ สถานีก๊าซธรรมชาติหลักปทุมธานี ตั้งอยู่ที่อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี รองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ในปริมณฑล มีกำลังการอัดก๊าซธรรมชาติและกำลังสำรองประมาณ 250 ตันต่อวัน ทั้งนี้บริษัทได้ทำสัญญาเพิ่มเติมกับปตท.เพื่อขยายกำลังอัดก๊าซธรรมชาติได้สูงสุด 350 ตันต่อวัน

รวมทั้งสถานีก๊าซธรรมชาติหลักสระบุรี ตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี รองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีกำลังการอัดก๊าซธรรมชาติสูงสุดเท่ากับ 400 ตันต่อวัน ซึ่งเมื่อรวมทั้ง 2 สถานีอัดก๊าซบริษัทมีกำลังการอัดก๊าซสูงถึง 750 ตันต่อวัน หรือ 273,750 ตันต่อปี

อีกทั้งมีแผนในการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอัดก๊าซธรรมชาติ โดยเริ่มจากการจัดตั้งสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV ตามแนวท่อ แบบ Ex-Pipe line ที่ตำบลพยุหะ อำเภอพยุหะ จังหวัดนครสวรรค์  ทำให้มีรูปแบบสถานีบริการที่หลากหลายมากขึ้น โดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ของปี 2561

นอกจากนี้ บริษัทได้วางแผนเพื่อที่จะปรับปรุงและยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานสำหรับสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชนทั้งสองแห่ง ในอนาคตและมีนโยบายขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติและธุรกิจพลังงานเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ และก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานแบบครบวงจร

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เค ที ซีมิโก้ เปิดเผยว่า SKE จะมีรายได้จากการอัดก๊าซเติบโต 26% ในปี 61 และ 13% ในปี 62 จากแผนการปรับปรุงสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชนทั้งที่ปทุมธานีและสระบุรี ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการอัดก๊าซเข้ารถบรรทุกก๊าซ นอกจากนี้การปิดปรับปรุงสถานีแม่ของปตท.ส่งผลดีต่อ SKE อีกด้วย โดยคาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตจะเริ่มพลิกฟื้นตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป

อีกทั้งการเริ่มต้นธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV Conventional แบบ Ex-pipeline ที่ จ.นครสวรรค์ นั้น มีศักยภาพพอที่จะสร้างรายได้และกำไรในอนาคต เนื่องจากนครสวรรค์ถือเป็นแหล่งรวมบริษัทด้านการขนส่ง ซึ่งทำให้ยอดการใช้ NGV มีปริมาณสูง และสถานีของ SKE อยู่ฝั่งเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 1 สถานี

สำหรับรายได้ในปี 62 หากรวมรายได้จากการจำหน่าย NGV ที่สถานีบริการในนครสวรรค์เข้าไปด้วย ทำให้รายได้รวมเพิ่มขึ้นถึง 34% ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตสูงถึง 70% จาก 88 ล้านบาทในปีนี้ เป็น 150 ล้านบาทในปี 61 และจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 27% เป็น 190 ล้านบาท ในปี 62 ซึ่งได้รวมกำไรจากสถานีบริการ NGV แล้ว จึงได้ประเมิณมูลค่าพื้นฐานในปี 61 ที่ 2.42 บาท

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น SKE เข้าซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก (22 พ.ย.60) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นถึง 2.52 บาท จากราคา IPO ที่ 1.80 บาท โดยคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 31.5 เท่า และกำไรต่อหุ้นที่ 0.08 บาท โดยมองว่า SKN เป็นบริษัทที่มีรายได้และกำไรที่มั่นคงและสม่ำเสมอ รวมถึงสถานะการเงินที่มั่นคง ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ SKE เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต