เปิด 5 หุ้นผลงาน Q3/60 ไม่ฟื้น! ส่อแววขาดทุนซ้ำซ้อน 3 ปีรวด
เปิดชื่อ 5 หุ้นผลงานไตรมาส 3/60 ขาดทุนอ่วม ฟากงบฯทั้งปีส่อแววขาดทุนซ้ำซ้อน 3 ปีต่อเนื่อง
หลังจากผ่านช่วงประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไปเป็นที่เรียบร้อย “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมข้อมูลผลงานแต่ละบริษัทมานำเสนอ โดยครั้งนี้คัดเลือกกลุ่มหุ้นที่ขาดทุนเพิ่มขึ้นมานำเสนอเป็นหลัก เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเข้าลงทุน
สำหรับบริษัทที่ขาดทุนเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/60 ขณะที่ผลการดำเนินงานนับตั้งแต่ปี 2558 จนถึงงวด 9 เดือนปี 2560 ขาดทุนสุทธิมาอย่างต่อเนื่องมีอยู่หลายบจ.ด้วยกัน อย่างไรก็ตามการเสนอข้อมูลหุ้นกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถนำข้อมูลมาเสนอได้ครบทุกบจ. ดังนั้นครั้งนี้จึงขอคัดเลือกหุ้นที่พลิกขาดทุนมากสุด 5 อันดับแรกมานำเสนอเท่านั้น ดังตารางประกอบดังนี้
(หน่วยเป็นล้านบาท)
อันดับ 1 บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) ขาดทุนสุทธิ 773.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,945% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 10.98 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนขาดทุนสุทธิ 761.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188% จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 263.95 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมไตรมาสนี้เท่ากับ 1,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 82 จากปีก่อน จากการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษในการระงับข้อพิพาททางกฎหมาย และบันทึกหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญในส่วนสินค้า Physical Sales ร่วมกับดิจิทัลทีวีมูลค่ารวม 418.2 ล้านบาท และ266.2 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่จากการสำรวจข้อมูลพบว่า GRAMMY ประสบผลขาดทุนสุทธิมาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งล่าสุดในปี 2558 บริษัทขาดทุนสุทธิ 1,145.48 ล้านบาท และในปี 2559 บริษัทขาดทุนสุทธิ 520.15 ล้านบาท
อันดับที่ 2 บริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) ขาดทุนสุทธิ 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 569% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 7.92 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนขาดทุนสุทธิ 176.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 218% จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 55.39 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานประจำไตรมาสดังกล่าวขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมสำหรับงวด 9 เดือน ปี 60 เท่ากับ 562 ล้านบาท ลดลง 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
รวมทั้งในปีนี้บริษัทและบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากการขยายตัวของบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ที่บริษัทได้เริ่มเข้าไปลงทุนในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 53 ล้านบาท เทียบกับผลการดำเนินงานในงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมามีผลกำไร 32 ล้านบาท
ขณะที่จากการสำรวจข้อมูลพบว่า AIRA ประสบผลขาดทุนสุทธิมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งบริษัทขาดทุนสุทธิ 98.96 ล้านบาท และในปี 2559 บริษัทขาดทุนสุทธิ 107.84 ล้านบาท
อันดับที่ 3 บริษัท ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ FC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) ขาดทุนสุทธิ 484.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 409% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 95.18 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนขาดทุนสุทธิ 752.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 167% จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 281.06 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนขาย 70.40 ล้านบาท ซึ่งต้นทุนขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบอาหารและเครื่องดื่มที่ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่จากการสำรวจข้อมูลพบว่า FC ประสบผลขาดทุนสุทธิมาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งล่าสุดในปี 2558 บริษัทขาดทุนสุทธิ 279.69 ล้านบาท และในปี 2559 บริษัทขาดทุนสุทธิ 423.36 ล้านบาท
อันดับที่ 4 บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) ขาดทุนสุทธิ 13.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 7.48 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนขาดทุนสุทธิ 61.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116% จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 28.63 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/60 มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณการขายลดลงจากปีก่อน ต้นทุนในการจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิของบริษัทลดลง ถึงแม้บริษัทจะบริหารควบคุมจัดการต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารให้ลดลงจากปีที่ผ่านมาได้
ขณะที่จากการสำรวจข้อมูลพบว่า SMART ประสบผลขาดทุนสุทธิมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งบริษัทขาดทุนสุทธิ 13.76 ล้านบาท และในปี 2559 บริษัทขาดทุนสุทธิ 36.83 ล้านบาท
อันดับที่ 5 บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) ขาดทุนสุทธิ 221.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 209.99 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 14.53 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 95.65 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานไตรมาสดังกล่าวมีผลขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเนื่องจาก บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิมากกว่างวดเดียวกันเมื่อปีก่อนเนื่องจากมีผลขาดทุนก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเป็นเงิน 30 ล้านบาท มากกว่างวดเดียวกันเมื่อปีก่อนจำนวน 45 ล้านบาท
ขณะที่จากการสำรวจข้อมูลพบว่า SMART ประสบผลขาดทุนสุทธิมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งบริษัทขาดทุนสุทธิ 50.18 ล้านบาท และในปี 2559 บริษัทขาดทุนสุทธิ 355.26 ล้านบาท
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน