TTA รับอานิสงส์ค่าระวางเรือ BDI นิวไฮในรอบ 4 ปี ลุ้นผลงาน Q4 โตแจ่ม!
TTA รับอานิสงส์ค่าระวางเรือ BDI นิวไฮในรอบ 4 ปี ฟาก โบรกฯ คาดผลงาน Q4/60 โตแจ่มทั้งเทียบจากไตรมาสก่อนและปีก่อน ให้เป้า 12.70 บาท อัพไซด์สูงลิ่ว
สืบเนื่องจากรายงานดัชนีค่าระวางเรือ BDI ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดในรอบ 4 ปี ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ของบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ซึ่งอยู่ในหมวดกลุ่มการเดินเรือ จึงมองว่าจะได้รับผลบวกจากปัจจัยดังกล่าวโดยตรง นอกจากนี้นักวิเคราะห์มองว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นทั้งเทียบจากไตรมาสก่อนและเทียบจากปีก่อน จากธุรกิจเดินเรือและธุรกิจปุ๋ยเติบโต
ด้านราคาหุ้น TTA ปิดตลาดวานนี้ (12 ธ.ค.) อยู่ที่ 9.15 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 1.10% มูลค่าซื้อขาย 31.70 ล้านบาท ทั้งนี้ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 12.70 บาท อยู่ 39%
โดย นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ดัชนีค่าระวางเรือ BDI วันที่ 11 ธ.ค.60 เพิ่มขึ้นอีก 25 จุด ปิดที่ 1,727 จุด ปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 17 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 ปี เป็นบวกต่อมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มเดินเรือ ได้แก่ TTA
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” TTA ให้ราคาเป้าหมาย 12.70 บาทต่อหุ้น แนวโน้มผลกำไรยังคงฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง นำโดยธุรกิจเดินเรือที่คาดจะยังคงดีไปอีก 2-3 ปี ปรับการอิง P/B เป็น 1.10 เท่า ซึ่งเป็นการซื้อขาย P/B สูงสุดเฉลี่ยในช่วง 3 ปี (2557-2559) ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัว
โดยภาพรวมในไตรมาส 4/60 จะดีขึ้นทั้งเทียบจากไตรมาสก่อนและเทียบจากปีก่อน จากธุรกิจเดินเรือ ผลการดำเนินงานยังดีขึ้นตามดัชนี BSI +18% เทียบจากไตรมาสก่อน, +25% เทียบจากปีก่อน
รวมถึง 2) MML อัตราการใช้งานสินทรัพย์ทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 3/60 ที่ 42% ไม่น่าจะส่งผลให้ขาดทุนเพิ่มเทียบจากไตรมาสก่อน และ PMTA ธุรกิจปุ๋ย เป็น High Season จากการทำโปรโมชั่นและลูกค้าสั่งซื้อเพิ่มเพื่อหวังการได้ส่วนลดเพิ่ม ส่วน UMS และธุรกิจพิซซ่าจะยังคงขาดทุนแต่จะลดลง
สำหรับแนวโน้มปี 61 คาดจะดีขึ้นเทียบจากปีก่อน จากธุรกิจเดินเรือยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง จาก supply เรือใหม่เข้ามาน้อย แต่ Demand ยังโตขึ้น และได้มีการซื้อเรือเพิ่ม 3 ลำในปี 2560 เป็น 22 ลำ และอาจมีการซื้อเรือเพิ่มอีก และ 2) MML มี ฺBacklog ที่ 174 ล้านดอลลาร์ ราว 60% หรือราว 3,500 ล้านบาท จะรับรู้ในปี 2561 รายได้จึงมั่นคงมากขึ้น
รวมทั้ง 3) PMTA เน้นขายปุ๋ยในเวียดนามมากขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นดี และจะผลักดันปริมาณขายให้เพิ่มขึ้น แนวโน้มดีขึ้น อีกทั้ง คลังสินค้าพื้นที่ใหม่ 20,000 ตรม. จะเริ่มให้บริการ 4) ธุรกิจพิซซ่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้น จากขยายสาขาอย่างน้อย 25 สาขา จากปัจจุบัน 100 สาขา