SUPER มือทอง! ซิวโรงไฟฟ้าไฮบริด 16 MW ดัน PPA ทะลุ 830 MW
SUPER มือทอง! ซิวโรงไฟฟ้าไฮบริด 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 16 MW ดัน PPA ทะลุ 830 MW
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศผลการคัดเลือกโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm กำลังผลิตติดตั้ง 300 เมกะวัตต์ เมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) โดย บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SUPER เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับคัดเลือกจำนวน 1 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 16 เมกะวัตต์ จากประเด็นดังกล่าวจะส่งผลให้ SUPER มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เพิ่มขึ้นเป็น 834 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันก่อนรวมโครงการดังกล่าวมี 818 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าหากโรงไฟฟ้าดังกล่าวดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นในอนาคต
โดย นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “T-BUY” SUPER ให้ราคาเป้าหมาย 1.42 บาท/หุ้น อิงโรงไฟฟ้าจ่ายไฟแล้ว 736MW และ 49MW ในประเทศที่อยู่ระหว่างพัฒนา) โดยผลกำไรที่ขยายตัวแกร่ง 59% เทียบจากปีก่อนเป็น 323 ล้านบาท เป็นฐานว่าในช่วง High Season ในไตรมาส 4 ผลการดำเนินงานของ SUPER จะยังคงดีต่อไป
สำหรับในไตรมาส 4 ซึ่งเป็น High season ของการผลิตไฟฟ้า จึงคาดว่าระดับกำไรปกติจะเร่งตัวขึ้นไปแถวๆ 400 ล้านบาทได้ ซึ่งจะให้ภาพขยายตัวแรงจากไตรมาสก่อนและจากปีก่อน
ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาส 2-3 ก็มีพัฒนาการหลายประเด็น เช่น การ COD โซล่าฟาร์มจีน 20MW และเตรียมพัฒนาอีก 10MW (ไม่รวมในประมาณการ), การลงนามสัญญาโครงการโซล่าสหกรณ์ 5 แห่งรวม 24MW กำหนด COD ธ.ค. 2561 (อยู่ในประมาณการ), การจัดตั้งบริษัทย่อยในเวียดนาม 6 แห่ง เพื่อเตรียมรองรับการจัดสรร PPA โครงการลม 700MW (ไม่รวมในประมาณการ)
ด้าน นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ SUPER เคยเปิดเผยว่า จากการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ จะช่วยผลักดันยอด COD ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 800-900 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำพลังงานทดแทนในเอเชียภายใน 3 ปีข้างหน้าตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในปีนี้มีโอกาสจะแตะระดับ 6 พันล้านบาทตามที่วางเป้าหมายไว้ ส่วนในปี 61 ตั้งเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% โดยเฉพาะจากการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทย ยังไม่รวมรายได้จากโครงการในจีนที่จะเริ่มรับรู้ในปีหน้าเช่นกัน หลังจากนั้นในปี 62 คาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากกิจการในไทย จีน รวมถึงเวียดนาม
ขณะเดียวกัน ราคาหุ้น SUPER ปิดวานนี้ (14 ธ.ค.) อยู่ที่ 1.21 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 3.42% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 204.15 ล้านบาท