จัดธีม 5 หุ้นส่งออกรับอานิสงส์ 2 เด้งส่งท้ายปี
จัดธีม 5 หุ้นส่งออกรับอานิสงส์ 2 เด้งส่งท้ายปี ยอดส่งออกเดือนพ.ย.ทะลัก-เงินบาทเริ่มอ่อนค่า
สืบเนื่องจากกรณีที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยเดือนพฤศจิกายน 2560 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.36% ส่งผลให้การส่งออกช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย. 60) ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.01% คาดว่าทั้งปี 60 การส่งออกจะขยายตัวแตะระดับ 10%
ส่วนการส่งออกในปี 2561 ได้ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ไปประชุมผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) มาจัดทำข้อมูลและนำเสนอ ซึ่งหากการส่งออกในปี 2560 ขยายตัวได้ถึงระดับ 10% การส่งออกในปีหน้าก็ต้องขยายตัวอยู่ในระดับที่ดีเหมือนกัน
ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนตัวลงมาจากระดับ 32.51 บาท/ดอลลาร์ เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2560 โดยล่าสุดมาปิดตลาดวานนี้ (20 ธ.ค.2560) อยู่ที่ระดับ 32.72 บาท/ดอลลาร์ประเด็นดังกล่าวมองว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก โดยเฉพาะบริษัทที่มีรายได้หลักเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า ทุก 1 บาทที่อ่อนค่าจะส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิของกลุ่มส่งออกในราว 5% จากประมาณการเดิมที่คาดว่าบาทจะอยู่ที่ 31.50 บาท กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์พบว่า ทุก 1 บาทที่อ่อนตัวจะส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 6% จากประมาณการเดิม
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย (บจ.) ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกที่คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/60 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากมีปัจจัยบวกทั้ง 2 ประเด็น
โดย บริษัท เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า HANA มีรายได้ 100% เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ แต่ต้นทุนเป็นสกุลดอลลาร์ 60% อีก 40% สกุลบาท
ส่วน DELTA รายได้ 71% เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ 12% สกุลยูโร 11%รูปีอินเดีย และอื่นๆ 6% ขณะที่ ต้นทุนเป็นสกุลดอลลาร์ 50% และสกุลยูโร 20% อีก 30% สกุลบาท ขณะที่สัดส่วนรายได้ที่มีจากการส่งออกของ CPF และ GFPT มีรายได้จากการส่งออกไม่มากนัก
นอกจากหุ้นที่กล่าวมาแล้ว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” พบว่า TU ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและบรรจุกระป๋อง และขยายธุรกิจให้ครบวงจรด้วยธุรกิจอาหารสำเร็จรูปและอาหารว่าง โดยเน้นอาหารทะเล ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ ธุรกิจการตลาดภายในประเทศ ธุรกิจอาหารสัตว์ และธุรกิจพัฒนาสายพันธุ์กุ้งเพื่อจำหน่าย มีสัดส่วนรายได้ของ TU จากการจัดจำหน่ายแบ่งตามตลาด ณ สิ้นปี 58 เป็นสหรัฐฯ 42%, ยุโรป 29% ,ไทย 8% ,ญี่ปุ่น 6% ที่เหลือประเทศอื่นๆ โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ที่ 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน