สอยด่วน! 14 หุ้นเด่นเป้า Window Dressing สัปดาห์สุดท้ายปี 60

สอยด่วน! 14 หุ้นเด่นเป้า Window Dressing สัปดาห์สุดท้ายปี 60 นำโดย ADVANC,BANPU,TU,SCC, BDMS,CPALL,INTUCH,MINT,BJC,BTS,CPN,GLOBAL, ROBINS และ SPRC


เข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายปี 2560 แม้ภาพรวมการซื้อขายในสัปดาห์นี้คาดว่าเงียบเหงา เนื่องจากหุ้นต่างประเทศหลายแห่งจะปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส แต่ทิศทาง SET ตลอดทั้งสัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์อัพจากแรงหนุน LTF&RMF ไหลเข้าและแรงเก็งกำไรหุ้น Window Dressing

ดังนั้น“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์”จึงทำการรวบรวมหุ้นที่คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากปัจจัยดังกล่าวมานำเสนอซึ่งคัดเลือกมาจากบล.กสิกรไทย และ บล.ทิสโก้ ซึ่งคัดหุ้นเด็ดๆได้มีทั้งหมด 14 ตัว คือ ADVANC, BANPU, TU, SCC, BDMS, CPALL, INTUCH, MINT, BJC, BTS, CPN, GLOBAL, ROBINS และ SPRC

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ภาพรวมการซื้อขายในสัปดาห์นี้คาดจะเงียบเหงา เนื่องจากหุ้นต่างประเทศหลายแห่งจะปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส แต่เรามองทิศทาง SET ตลอดทั้งสัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์อัพจากแรงหนุน LTF&RMF ไหลเข้าและแรงเก็งกำไรหุ้น Window Dressing

โดยตามสถิติย้อนหลัง 10 ปี (ปี 2007-2016) บ่งชี้ว่าหุ้นไทยันวามคมในครึ่งเดือนหลังมักปรับตัวขึ้นบ่อยครั้งกว่าช่วงครึ่งเดือนแรก โดยมีโอกาสปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 70% เทียบกับที่ 60% และมักให้อัตราผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยดีกว่าด้วยที่ +1.0% เทียบกับ +0.6% ตามลำดับ

เชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นผลมาจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุนก่อนช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาส-สิ้นปี ทำให้เม็ดเงินลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะเม็ดเงินจาก LTF & RMF ที่ไหลเข้ามากสุดในเดือนธันวาคมของทุกปีเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาด

โดยเห็นสัญญาณหุ้นขนาดใหญ่ Outperform กว่าหุ้นขนาดเล็ก รวมไปถึงหุ้นทั้งหมดของตลาดโดยรวมอย่างชัดเจน เพราะ SET50 Index สามารถขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ของปีนี้ไปแล้ว

ขณะที่ SSET Index ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นขนาดเล็ก และ SET Index ที่เป็นตัวแทนของหุ้นทั้งหมดของตลาดยังไม่ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เลย โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กถือว่าอ่อนแอมาก (Underperform) กลับทำจุดต่ำใหม่ในรอบ 3 เดือน มองว่าหุ้นขนาดใหญ่ยังคง Outperform กว่าหุ้นขนาดเล็กและหุ้นในตลาดโดยรวมต่อไป หลัก ๆ จากเม็ดเงิน LTF & RMF ไหลเข้า

สำหรับประเด็น Window Dressing  มักจะมีการกล่าวถึงในช่วงสิ้นไตรมาส เนื่องจากราคาหุ้นบางตัว (รวมทั้งตลาดโดยรวม) มักปรับตัวขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นการทำตัวเลขทางบัญชีให้ดูดีทั้งนักลงทุนสถาบัน กองทุน และบริษัทอื่นๆ ที่ลงทุนในหุ้น ด้วยการซื้อเพื่อผลักดันราคาหุ้นให้ปิดสูงขึ้นทำให้พอร์ทที่ลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น

จากการศึกษาความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายเดือนของทุกไตรมาสย้อนหลังนับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกปี 2552 เป็นต้นมา พบว่ามีโอกาสเฉลี่ยประมาณ 60% ที่จะเกิดผลกระทบ Window Dressing โดยไตรมาสที่มีโอกาสเกิดผลกระทบ Window Dressing มากไปหาน้อย คือ ไตรมาสที่ 1 (มีโอกาสเกิด Window Dressing 78%), ไตรมาสที่ 2 (67%), ไตรมาสที่ 4 (63%) และไตรมาสที่ 3 (33%) ตามลำดับ

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทิศทางของ SET ในแต่ละไตรมาสในอดีตพยากรณ์ว่าจะเกิดผลกระทบ Window Dressing ในไตรมาสนั้นได้หรือไม่ โดยมีความแม่นยำสูงราว 71% สำหรับไตรมาส 4 ปีนี้ มองมีโอกาสเกิด Window Dressing ราว 67% และจากการศึกษาข้อมูลลงลึกไปในหุ้นรายตัว

โดยมองหุ้นที่มีโอกาสเกิด Window Dressing  สูงสำหรับไตรมาส 4 ปีนี้ คือ BJC (Consensus 56.25 บาท), BTS (10.8 บาท), CPN (Consensus 85 บาท), GLOBAL (Consensus 17.75 บาท), ROBINS (Consensus 76 บาท) และ SPRC (Consensus 18.75 บาท)

 

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์สุดท้ายของปี Window Dressing จะไม่แรงอย่างที่คาดหวัง:จากสถิติ 5 ปีที่ผ่านมา SET Index ให้ผลตอบแทนในสัปดาห์สุดท้ายของปีไม่สวยเท่าไหร่นักนอกจากจะไม่บวกแล้วยังติดลบด้วย เฉลี่ย -0.17% โดยปรับเพิ่มขึ้นเพียง 3 จากใน 5 ปีเท่านั้นส่วน SET50 Index ยิ่งแล้วใหญ่ -0.35%

อย่างไรก็ตามหากตลาดจะเกิด Window Dressing ในปีนี้ คาดว่ากลุ่มหุ้น Top 20 ที่กองทุนนิยมถือทั้ง ADVANC AOT BANPU BBL BDMS BJC CPALL CPN INTUCH KBANK KTB MINT MTLS PTT PTTEP PTTGC SAWAD SCB SCC TU จะเป็นเป้าหมายในการเก็งกำไร

 โดยในกลุ่มหุ้นดังกล่าวที่มีโอกาสดีที่สุดคือหุ้นที่ยังมี Upside จาก Consensus สูงสุดใน ขณะที่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปียังต่ำ หรือมีสถิติการปรับเพิ่มขึ้นสัปดาห์สุดท้ายของปีใน 5 ปีที่ผ่านมาเกือบทุกปีคือ ADVANC ,BANPU,TU,SCC,BDMS,CPALL,INTUCH และMINT

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button