TISCO ลุ้นงบฯ Q4/60 แจ่มหลังตั้งสำรองลดฮวบ หนุนกำไรทั้งปีโตกระฉูด 6.3 พันลบ.
TISCO ลุ้นงบฯ Q4/60 แจ่มหลังตั้งสำรองลดฮวบ หนุนกำไรทั้งปีโตกระฉูด 6.3 พันลบ. ฟากโบรกฯ เคาะราคาเป้าสูงลิ่ว 96 บาท
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ของ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO หลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 4/60 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย กลุ่มธุรกิจการเงิน
โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า TISCO จะประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 4/60 ในวันที่ 12 ม.ค. 61 นี้ และคาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิจะเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่ากำไรสุทธิทั้งปีของ TISCO จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ดอกเบี้ยที่สุทธิที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฐานสินเชื่อใหม่หลังการรวมพอร์ตของ SCBT
ขณะที่ราคาหุ้น TISCO ปิดตลาดวานนี้ (9 ม.ค. 61) อยู่ที่ระดับ 93.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.54% สูงสุดที่ระดับ 94.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 93.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 371.87 ล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TISCO ในราคาเป้าหมายที่ 96 บาท/หุ้น เนื่องจากคาดกำไรปี 2560 จะโต 26% มาที่ 6.3 พันล้านบาท และกำไรปี 2561 โต 10% มาที่ 6.9 พันล้านบาท จากการตั้งสำรองลดลง และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 3.9% ในทั้งปี 2560 และ 2561
นอกจากนี้ การที่ TISCO เข้าซื้อพอร์ตสินเชื่อรายย่อยของธนาคาร Standard Chartered (SCBT) มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 4/60 หนุนให้ธนาคารมีฐานลูกค้ามากขึ้น และเปิดโอกาสการขยายฐานสินเชื่อ โดยคาดอย่างอนุรักษ์นิยมว่าสินเชื่อปี 2560 จะเติบโต 12% และ 2% ในปี 2561
อีกทั้งยังคาดว่า TISCO จะรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 4/60 อยู่ที่ 1.73 พันล้านบาท เติบโต 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 10% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี หนุนโดยการเข้าซื้อพอร์ตสินเชื่อรายย่อยจาก SCBT และการตั้งสำรองฯ ลดลง 25% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ 726 ล้านบาท (แต่สูงขึ้น 19% จากไตรมาสก่อนหน้า)
ขณะที่สัดส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของธนาคารอยู่ที่ 2.34% ณ สิ้นเดือนก.ย. 2560 โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ 186% และยังไม่มีปัจจัยที่ทำให้ TISCO ต้องตั้งสำรองฯ เพิ่มในไตรมาส 4/60 หรือปี 2561โดยประมาณการว่าสินเชื่อสุทธิเติบโตสำหรับไตรมาส 4/60 ของธนาคารอยู่ที่ 12%เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ 17% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่คาดรายได้ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1.63 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%
นอกจากนี้ พอร์ตสินเชื่อของธนาคารยังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 4/60 หนุนโดยการเข้าซื้อพอร์ตสินเชื่อรายย่อยของ SCBT มูลค่ากว่า 3.6 หมื่นล้านบาท และการดำเนินงานใน ไมโครไฟแนนซ์ (สมหวังเงินสั่งได้) เติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นคาดพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2560 ของธนาคารรวมอยู่ที่ 2.4 แสนล้านบาท สูงขึ้น 11% เทียบกับปีก่อน และโต 17% จากไตรมาสก่อนหน้า
ส่วน บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรสุทธิ TISCO ในช่วงไตรมาส 4/60 อยู่ที่ 1,640 ล้านบาท ดีขึ้น 4% จากไตรมาสก่อนหน้า และดีขึ้น 27% เทียบกับปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฐานสินเชื่อใหม่หลังการรวมพอร์ตของ SCBT เข้ามาตั้งแต่ 1 ต.ค. 60 ราว 36,000 ล้านบาท
อีกทั้งยังมีผลบวกจากยอดขายรถยนต์ในงาน Motor Expo ที่จัดในช่วงเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เราคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เนื่องจากแนวโน้มคุณภาพสินเชื่อเดิมยังดี ส่วน NPL ของสินเชื่อ SCBT นั้นได้มีการตั้งสำรองหนี้ไว้ครอบคลุมแล้ว แต่ในด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอาจอยู่ในระดับสูงเนื่องจากมีการเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล บวกกับมีค่าใช้จ่ายในการรวมพอร์ตที่เกิดขึ้นในไตรมาสนี้
สำหรับแนวโน้มในปี 61 คาดจะยังเห็นแรงหนุนจากพอร์ต SCBT ทำให้รายได้และกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง ในด้านของสินเชื่อนั้น ด้านผู้บริหารได้เปิดเผยไว้ก่อนหน้าว่าจะปล่อยให้สินเชื่อส่วนบุคคลราว 5 พันล้านบาท จาก SCBT ค่อยๆ รับชำระและหมดอายุลง คาดว่าธนาคารจะสามารถกระตุ้นสินเชื่อในส่วนอื่นมาชดเชยได้ โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียนภายใต้ชื่อ “สมหวัง” ที่ปัจจุบันเติบโตได้ดี ทำให้สินเชื่อโดยรวมจะยังเติบโตได้อยู่ แม้จะไม่เด่นเท่ากับปี 60 ที่ผ่านมาก็ตาม
ขณะที่บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ (12 ม.ค. 61) ทางกลุ่มแบงค์จะเริ่มประกาศงบผลประกอบการ โดยเริ่มจาก TISCO ที่คาดว่ากำไรทรงตัวจากช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น16% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้เริ่มรับรู้รายได้ SCBT แต่จะมีค่าใช้จ่าย one-time เกิดขึ้นบางส่วน เช่น ค่าจดจำนองสินเชื่อที่อยู่อาศัย และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
ทั้งนี้ คาดกำไรทั้งปี 2560 อยู่ที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 11% เทียบกับปีก่อน ในปี 2018 ที่ 6.67 พันล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มแบงก์ถูก sell on fact หลังประกาศงบมา 5 ไตรมาสติดต่อกัน รอบละ 3-5% หากงบของ TISCO ไม่ได้ออกมาเซอร์ไพร์สเชิงบวก คาดว่า Bank Index จะพักฐานระยะสั้น ซึ่งเรามองเป็นโอกาสซื้อลงทุน Top Pick ยังเป็น BBL และ KBANK