ส่องกลยุทธ์ลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ พร้อมชู 2 หุ้น Top Pick ก่อนเริ่มประกาศงบฯสัปดาห์นี้!
ส่องกลยุทธ์ลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ พร้อมชู 2 หุ้น Top Pick ก่อนเริ่มประกาศงบฯสัปดาห์นี้!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นกลุ่มแรกทยอยแจ้งผลประกอบการประจำปี 2560 ภายในช่วงท้ายสัปดาห์นี้ เพื่อให้นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจในการเข้าลงทุนสำหรับหุ้นกลุ่มธนาคาร
โดย บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/60 ของแบงก์เริ่มศุกร์นี้ เริ่มจากบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO คาดกำไรทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 1.5 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน) แม้เริ่มรับรู้รายได้ SCBT แต่จะมีค่าใช้จ่าย one-time เกิดขึ้นบางส่วน เช่น ค่าจดจำนองสินเชื่อที่อยู่อาศัย และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
ทั้งนี้คงคาดกำไรทั้งปี 2560 ที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน และปี 2561 ที่ 6.67 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน ทั้งนี้หุ้นกลุ่มแบงก์ถูก sell on fact หลังประกาศงบมา 5 ไตรมาสติดต่อกัน รอบละ 3-5% หากงบของ TISCO ไม่ได้ออกมาเซอร์ไพร์สเชิงบวก คาดว่า Bank Index จะพักฐานระยะสั้น ซึ่งมองเป็นโอกาสซื้อลงทุน Top Pick ยังเป็น BBL และ KBANK
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย เวลท์ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 ของ TISCO จะเพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาสก่อน และ 22.5% จากปีก่อน อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท และคาดในไตรมาสดังกล่าว TISCO จะแสดงการเติบโตกำไรสุทธิจากปีก่อนสูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร
โดยได้แรงหนุนจากระดับการตั้งสำรองที่ลดลง รวมทั้งสินเชื่อที่สูงขึ้นจากการถ่ายโอนสินเชื่อรายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 ที่ผ่านมา เราคาดสินเชื่อของธนาคารในปี 2561 จะขยายตัวที่ 4% จากปีก่อน หนุนโดยตลาดยานยนต์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นและสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง เราประมาณการ EPS จะเติบโต 22.9% ในปี 2560 และ 12.1% ในปี 2561 ทั้งนี้ TISCO จะมีการประกาศผลการดำเนินงานปี 2560 ในวันศุกร์นี้ (12 ม.ค. 2561)
ด้าน Price Pattern ของ TISCO มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TISCO คาดว่าจะได้เห็นการทำ New High อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายถัดไปของการทำ New High อยู่ที่ 102 บาท ทั้งนี้ TISCO มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 88 บาท (Resistance: 94.50, 96.00, 97.50; Support: 91.75, 91.25, 88.75)
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการปีนี้ของกลุ่มแบงก์จะโดดเด่นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นแบงก์กสิกรไทย หรือ KBANK (ราคาเป้าหมาย 220 บาท) แบงก์ทหารไทย หรือ TMB (ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท) และแบงก์กรุงเทพ หรือ BBL (ราคาเป้าหมาย 272 บาท) เนื่องจากการตั้งสำรองที่ลดลง และมีการปล่อยสินเชื่อที่สูงขึ้น
ส่วนผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2560 ของธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL มีกำไรสุทธิ 8,370 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการทั้งปีกำไรสุทธิ 32,984 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6%
ธนาคารทหารไทย หรือ TMB มีกำไรสุทธิ 2,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการทั้งปีกำไรสุทธิ 9,205 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%
ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB มีกำไรสุทธิ 19,040 ล้านบาท ลดลง 14% จากปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการทั้งปีกำไรสุทธิ 45,042 ล้านบาท ลดลง 5.4%
ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK มีกำไรสุทธิ 8,300 ล้านบาท ลดลง19% จากปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการทั้งปีกำไรสุทธิ 35,579 ล้านบาท ลดลง 11%
และ ธนาคารเกียรตินาคิน หรือ KKP มีกำไรสุทธิ 1,545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการทั้งปีกำไรสุทธิ 5,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7%
ด้าน นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY มีกำไรสุทธิ 5815 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% จากปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการทั้งปีกำไรสุทธิ 23,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.21%
ส่วนราคาหุ้น BAY ที่ปรับขึ้นมาวานนี้ค่อนข้างมาก คาดว่าจะมาจากการดันดัชนี เนื่องจากหุ้นดังกล่าวมีมาร์เก็ตแคปสูง แต่มีสภาพคล่องน้อย ทำให้ดันดัชนีได้ง่าย
บมจ.ทุนธนชาต หรือ TCAP มีกำไรสุทธิ 1,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% จากปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการทั้งปีกำไรสุทธิ 6,874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.33%
ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB มีกำไรสุทธิ 7,370 ล้านบาท ลดลง 0.7% จากปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการทั้งปีกำไรสุทธิ 24,162 ล้านบาท ลดลง 25.14%
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ขณะนี้จะเป็นช่วงการ Preview งบการเงินของกลุ่มธนาคาร ดังนั้นจะได้เห็นการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่คึกคักขึ้น โดยหุ้นที่ถือว่ายังเล่นกันที่ค่า P/BV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีมากที่สุด คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) รองลงมาคือ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ,ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ในส่วนของ KTB และ BBL เล่นกันที่ค่า P/BV ประมาณ 1 เท่า ส่วนหุ้นที่เทรดกันต่ำกว่าค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าเฉลี่ยมากสุด คือ BAY ,ธนาคารทหารไทย (TMB) และ SCB โดย KTB และ BBL เล่นกันที่ค่า P/E ต่ำสุดในบรรดาหุ้นใหญ่และกลาง
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% เทียบกับตลาดที่ 1.2% หลังจากที่กลุ่มธนาคารปรับตัวดีกว่าตลาดในไตรมาส 4/60 แต่อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารจะไม่โดดเด่นนักในไตรมาส 4/60 ที่จะประกาศในช่วงปลายเดือน ม.ค.
โดยมองว่าในช่วง 1-3 ปีข้างหน้ากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่จะปรับตัวดีกว่ากลุ่มเช่าซื้อ จากทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง, การขึ้นดอกเบี้ย โดยแนะนำให้ “ซื้อ” สำหรับ BBL, KBANK, TMB, SCB, BAY แต่ปรับคำแนะนำของ บมจ.ทุนธนชาต (TCAP), ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) ลงเป็น “ถือ”