KKP โชว์งบฯ สวย ลุ้นกำไรปี 60 ทะลุ 6 พันลบ. พ่วงปันผลสูงลิ่วเกิน 4%

วันนี้ (19 ม.ค.) คาด KKP แจ้งผลประกอบการไตรมาส 4/60 ฟากโบรกฯ คาดโกยกำไรทะลุ 1.7 พันลบ. และประเมินกำไรปี 60 อยู่ที่ 6.1 พันลบ. จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นของสินเชื่อ รวมถึงมีผลขาดทุนจากทรัพย์สินรอการขายที่ลดต่ำลง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP หลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 4/60 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย กลุ่มธุรกิจการเงิน

โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า KKP จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/60 ในวันนี้ (19 ม.ค. 61) และคาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นของสินเชื่อ รวมถึงมีผลขาดทุนจากทรัพย์สินรอการขายที่ลดต่ำลง อีกทั้งยังประเมินกำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ราว 6.1 พันล้านบาท รวมถึงเป็นหุ้นที่โดดเด่นในเรื่องการแจกเงินปันผล

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลิป ประเมินกำไรสุทธิปี 2560 ของ KKP หลังรวมประมาณการของไตรมาส 4/60 จะอยู่ที่ราว 6.1 พันล้านบาท ดีกว่าที่ฝ่ายคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ยังคงกำไรสุทธิปี 2561 ไว้ที่ 6.4 พันล้านบาท และคงราคาพื้นฐาน 77 บาท ถึงแม้ว่าราคาปัจจุบันจะสูงเกินกว่าราคาพื้นฐานไปแล้ว แต่ปันผลที่โดดเด่น ทำให้ทางฝ่ายแนะนำ “ทยอยซื้อ”

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ เนื่องจากเป็นหุ้น Dividend Yield น่าสนใจที่ราว 8% ต่อปี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากเงินกองทุนที่แข็งแกร่งที่ระดับ 17% นอกจากนี้ยังปรับคาดการณ์กำไรปี 2560-2561 ขึ้น 3% และ 4% ตามลำดับ โดยปรับลดค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองฯ ลง และคาดการณ์แรงขับจากรายได้ค่าธรรมเนียม และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจตลาดทุนที่น่าจะดีกว่าปี 2560 (IB, Wealth management และ Investment) ปรับราคาเหมาะสมปี 2561 ขึ้นเป็น 85 บาท

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุว่า คาดว่าในเดือน ก.พ. 61 จะมีหุ้นที่ให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนสูงเกินกว่า 4% ประกอบด้วย TMB, KKP, TISCO, SC และ AIT

อีกทั้ง จากการประเมินของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในปี 2560 พบว่าหลักทรัพย์ที่ให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) สูงเป็นอันดับต้นของตลาดหุ้นไทยได้แก่ KKP ที่มีเงินปันผลสูงสุดที่ 8%

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์หลักทรัพย์อื่นๆ ต่างแนะนำ “ซื้อ” KKP ราคาเป้าหมาย 85 บาท โดยถือว่า KKP เป็นแบงก์ขนาดเล็กแต่มีการจ่ายเงินปันผลที่สูง แม้ว่าผลงานช่วงไตรมาส 3/60 เติบโตน้อยก็ตาม แต่ยังมีแนวโน้มที่ดีสำหรับเงินปันผล ส่วนผลงาน KKP งวดไตรมาส 3/60 มีกำไรสุทธิราว 1,723 ล้านบาทบวก 1.89% จากปีก่อน แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า KKP ถือว่าโดดเด่นพอสมควร เพราะ KKP กำไรบวกสูงถึง 45.4% (QoQ) ขณะที่งวด 9 เดือนบวก 8.22% จากปีก่อน มีเม็ดเงินกำไรที่ 4,432 ล้านบาท

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมีมุมมองเชิงบวกในหุ้นกลุ่มแบงก์ พร้อมให้น้ำหนักดีกว่าตลาด สำหรับผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และยกให้ KKP เป็นหุ้น Laggard ที่น่าสนใจนอกเหนือจากแบงก์ขนาดใหญ่อย่าง SCB และ BAY

โดยบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ยกให้ KKP เป็นหนึ่งในหุ้น Top pick ของบล.โนมูระ โดยคาดว่ายังมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนอีก อย่างตัวรายได้ที่จะเติบโตขึ้นมาจาก การรับอานิสงส์การปรับโครงสร้างเงินทุน ทำให้สามารถลดต้นทุนเงินลงได้ จึงมองแนวรับที่ 72-73 บาท ส่วนแนวต้านที่ 75.0-76.0 บาท

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 85 บาท มองกำไร KKP เติบโตในไตรมาส 4/60 จากสินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง การบริหารส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยได้ดี และการตั้งสำรองฯ ค่าเผื่อหนี้สูญลดลง

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 78 บาท มองเงินกองทุนแข็งแกร่ง โดยมี CAR สิ้น ก.ย. 60 เท่ากับ 17.1% เป็น CET1 และ Tier 1 เท่ากับ 13.9%

Back to top button