3 โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” SPALI เคาะเป้าสูง 30 บ. ลุ้นกำไรปี 60 พุ่งแตะ 6 พันลบ.

3 โบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" SPALI เคาะเป้าสูง 30 บ. ลุ้นกำไรปี 60 พุ่งแตะ 6 พันลบ. คาดทำยอดโอนปี 60 นิวไฮที่ 2.5 หมื่นลบ. เติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม


“ทีมข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI หลังใกล้เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/60 รวมถึงงวดปี 2560 โดยนักวิเคราะห์มีการคาดการณ์ว่า SPALI จะประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4/60 ออกมามีกำไร 1.86 พันล้านบาท เนื่องจากคาดว่ายอดโอนในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งดีกว่าเป้าหมายที่ SPALI วางไว้

ทั้งนี้ ราคาหุ้น SPALI ปิดตลาดวานนี้ (29 ม.ค.61) ที่ระดับ 24.10 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 0.82% สูงสุดที่ระดับ 24.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 23.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 229.05 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ประเมินว่า แนวโน้มผลประกอบการของ SPALI ในไตรมาส 4/2560 คาดว่ามีกำไรสุทธิออกมาโดดเด่น 1,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 1,206 ล้านบาท แต่ลดลง 11% จากไตรมาสก่อนประมาณ 2,094 ล้านบาท

ขณะที่ทั้งปี 2560 มีกำไรสุทธิประมาณ 6,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อนประมาณ 4,886 ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรปกติ 5,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น13% จากปีก่อน และกำไรจากการขายสำนักงานที่ประเทศฟิลิปปินส์อีก 457 ล้านบาท ในไตรมาส 3/60 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีกว่าประมาณการเดิมเล็กน้อย ทั้งนี้ คาดว่ายอดโอนทั้งปี 2560 ทำสถิติสูงสุดใหม่ราว 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน แบ่งเป็นแนวราบ 53% และคอนโดมิเนียม 47% ซึ่งดีกว่าเป้าหมายที่ SPALI วางไว้

นอกจากนี้ คาดกำไรปกติเติบโตโดดเด่นกว่ากลุ่มฯ โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ไว้ระดับเดิม 6,000 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน ส่วนกำไรปกติเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน ซึ่งโดดเด่นกว่าคู่แข่ง จึงมองบวกมากกว่าเป้าหมายบริษัทต่อรายได้รวมที่ 27,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน

ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28 บาท อิงอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ปี 2561 ที่ 10 เท่า โดยมองว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2560 ที่คาดว่าออกมาดีจะเป็นปัจจัยหนุนในระยะสั้น ขณะที่ในปี 2561 ยังได้แรงหนุนจากแผนธุรกิจเชิงรุกต่อเนื่อง รวมถึงประเด็นบวกจากการเริ่มกลับมาจ่ายเงินปันผลอีกครั้งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 ประมาณเดือน ส.ค. 2561 ขณะที่คาดเงินปันผลทั้งปี 2561อยู่ในระดับน่าสนใจ โดยมีอัตราผลตอบแทนของเงินปันผล (ดิวิเดนด์ยีลด์) ประมาณ 4%

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินว่า ขณะนี้แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SPALI มีราคาเป้าหมายปี 2561 ที่ 30 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าแม้ปี 2561 แผนการเติบโตตั้งไว้ไม่สูงมาก แต่มีโอกาสมีอัพไซด์ (upside) ของยอดขาย (Presales) และเชื่อว่า SPALI ยังสามารถทำฐาน New Record High ของกำไรสุทธิได้เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน และฐานกำไรของ SPALI ยังแข็งแกร่งแม้ในปี 2561 จะมี Dilution จาก warrant ที่ SPALI-W4 แต่เป็นจังหวะของการเข้าลงทุนหุ้นได้ เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 จะเป็นช่วงของการเริ่มกลับมาจ่ายเงินปันผลหลังจากเว้นไปในปี 2560

โดย ณ สิ้นปี 2560 SPALI มียอด Backlog สะสมในมือเท่ากับ 33,182 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนการบันทึกรายได้ในช่วงปี 2561-2564 อีกทั้งคาดว่า SPALI จะสามารถทำ New Record High ได้ทั้งรายได้และกำไรสุทธิในปี 2560-2562 จึงคาดในปี 2560 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 5,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.70% จากปีก่อน และในปี 2561 จะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 6,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน ส่วนทิศทางผลประกอบการในไตรมาส 4/2560 คาดว่ามีกำไรสุทธิ 1,593 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 24% จากไตรมาสก่อน

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินว่า SPALI ในไตรมาส 4/2560 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,726 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยประเมิน Backlog สิ้นไตรมาส 3/2560 รอโอนไตรมาส 4/2560 สูงถึง 6,700 ล้านบาท และการขายแนวราบและสต๊อกคอนโดฯ พร้อมโอน จึงคาดหมายยอดโอนไตรมาส 4/2560 ประมาณ 7,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยไตรมาสนี้ยังมีการโอนต่อเนื่องล็อตใหญ่จาก Veranda รัชวิภา-ประชาชื่น และการเริ่มโอน Wellington2 ทำให้ยอดโอนคอนโดฯ ยังมีสัดส่วนสูงขึ้น Margin คอนโดฯ ที่ดียังช่วยให้ Margin ในไตรมาส 4/2560 ยืนได้ที่ 38% รายจ่ายการขายและบริหารอ่อนลงเพราะการไม่เปิดโครงการคอนโดฯใหม่

ส่วนกำไรปี 2561ยังเติบโต จากยอดจองปี 2560 ที่จบดีกว่าเป้า ส่วนแนวโน้มยอดจองปีนี้เติบโต 7% จากการทำตลาดแนวราบต่างจังหวัดที่มีความชำนาญมากขึ้น ขณะที่ Backlog รอโอนปี 2561 สูงถึง 12,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากการโอนยอดจองแนวราบระหว่างปีและการขายสต๊อกคอนโดฯ

คาดยอดโอนเติบโต 10% การบริหารต้นทุนที่ดีเสมอมา คาดว่าแรงหนุนจากยอดโอนจะส่งผ่านมาทำให้กำไรปกติเติบโต 8% พร้อมเงินปันผล 1.11 บาท ดังนั้น แนะนำ “ทยอยซื้อ” ราคาพื้นฐานที่ 26 บาท ยังชอบแนวโน้มปี 2561 ที่ดีขึ้น พร้อมกับการกลับมาจ่ายปันผลใหม่ในปีนี้ P/E แค่ 8 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 9 เท่า และมองราคาหุ้นน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

Back to top button