เปิดราคาหุ้น“บลูชิพ” 2 เดือนสุดพีค! PTT แชมป์โกยรีเทิร์นกระฉูด 29%
เปิดราคาหุ้น“บลูชิพ” 2 เดือนสุดพีค! PTT แชมป์โกยรีเทิร์นกระฉูด 29% พร้อมสอยหุ้นลงแรงเด้งกลับรอบใหม่ อาทิ CBG,KCE,CENTEL,TPIPP,BJC
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET50 ในรอบ 2 เดือนปี 2561 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 29 ธ.ค.60-28 ก.พ.61 ซึ่งพบว่าหุ้นส่วนใหญ่ราคาปรับตัวขึ้นมากกว่าลงโดยหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมีทั้งหมด 28 ตัว และมีหุ้นปรับตัวลดลงเพียง 20 ตัว และราคาไม่เปลี่ยนแปลง 2 ตัว
โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET ปรับตัวขึ้น 4.36% โดยเทียบจากดัชนียืนอยู่ที่ระดับ 1753.71 จุด (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 1830.13 จุด ( 28ก.พ.61) บวกไป 76.42 จุด ส่วนดัชนี SET50 ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 6.20% จากดัชนีที่ยืนอยู่ที่ระดับ 1135.14 จุด (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ 1205.57 จุด ( 29 ก.พ.61) บวกไป 70.43 จุด
โดยแรงซื้อที่เข้ามาหนุนให้ดัชนีปรับตัวขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุน อาทิ แนวโน้มเศรษฐกิจที่เร่งตัวใน 1-3 ปีข้างหน้า อีกทั้งความชัดเจนโครงการ EEC หลังสภานิติบัญญัญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาผ่านวาระที่ 3 และอยู่ระหว่างรอประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไปได้สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนเอกชน และส่งผลต่อโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน นอกจากนี้นักลงทุนเข้ามาซื้อเก็งกำไรในหุ้นรายตัวที่คาดว่าผลงานปี 60 จะออกมาสดใส และเก็งกำไรหุ้นก่อนประกาศจ่ายปันผลครึ่งปีหลัง 2560
โดยหุ้น SET50 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 28 ตัว ประกอบด้วย PTT,EA,BANPU,PTTGC,IRPC,PTTEP,HMPRO,MTLS,EGCO ,CPALL,BH,BDMS,KTB,LH,BBL,AOT,ADVANC,SPRC,WHA, GPSC,BEAUTY, TRUE,IVL,INTUCH,SCC,TU,BPPและ PSH ซึ่งหุ้นดังกล่าวล้วนแต่ปรับตัวสูงกว่าภาวะตลาดฯ ขณะเดียวกันหากสังเกต 5 อันดับแรกหุ้นที่ปรับตัวขึ้นจะพบว่าเป็นหุ้นพลังงานเป็นหลักและส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มปตท.เป็นหลักดังตารางประกอบ
สำหรับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นกว่า 29.09% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 440.00 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 568.00 บาท (28ก.พ.61) โดยปัจจัยที่หนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวขึ้นแรงส่วนใหญ่มาจากเรื่องการแตกพาร์ และการประกาศผลการดำเนินงานปี 60 ที่ออกมาอย่างโดดเด่น
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 20 ก.พ.61 ได้มีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่หุ้นของบริษัท โดยมติดังกล่าวจะเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ในวันที่ 12 เม.ย. เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
ทั้งนี้ทุนจดทะเบียนก่อนการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้มีจำนวน 28,562,996,250 บาท โดยมีทุนที่ออกและชำระแล้ว จำนวน 28,562,996,250 บาท ตามมูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท หรือมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,856,299,625 หุ้น
ส่วนหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้มีจำนวน 28,562,996,250 บาท โดยมีทุนที่ออกและชำระแล้ว จำนวน 28,562,996,250บาท ตามมูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท ส่งผลให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 28,562,996,250 หุ้น
ด้านผลการดำเนินงานปี 60 มีกำไร 1.35 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% จากปีก่อนมีกำไร 9.46 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติและบริษัทในกลุ่มปตท.และในส่วนของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่ปรับเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ Accounting GRM เพิ่มขึ้นตามกำไรขั้นต้นจากการกลั่นไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน (Market GRM) ที่เพิ่มขึ้นแม้ว่ากำไรจากสต็อกน้ำมันจะปรับลดลง อีกทั้งราคาปิโตรเคมีก็ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ Market P2F เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์ตามราคาอ้างอิงปรับตัวสูงขึ้น และผลการดำเนินงานของ PTTEP ปรับดีขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ลดลงตามการปรับปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งปีนี้ยังมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ และมีกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงของตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น แม้จะมีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์โดยหลักของ PTTEP ธุรกิจถ่านหินของบริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด (PTTGM) และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC นอกจากนี้บริษัทพร้อมเตรียมจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 12 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วานนี้(6 มี.ค. 61) และกำหนดจ่ายปันผล 27 เม.ย.61
อันดับ 2 บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 28.10% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 52.50 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 67.25 บาท (28ก.พ.61)คาดนักลงทุนเก็งผลการดำเนินงานปี 60 ออกมาสดใส และแผนธุรกิจที่ออกมาโดดเด่นอีกทั้งนักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุน
อย่างไรก็ตามวานนี้(6มี.ค.61)มีแรงขายทำกำไรหุ้น EA หนักเนื่องจากนักลงทุนกังวลในเรื่องของ Valuation ที่มองว่าค่อนข้างสูงไปแล้วโดยราคาหุ้นปรับตัวลงแรงที่ระดับ 50.25 บาท ลบ 9.50 บาท หรือ 15.90% คาดหุ้นมีโอกาสรีบาวด์กลับเนื่องจากพื้นฐานหุ้นยังแข็งแกร่ง
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า การซื้อขาย NVDR-ปริมาณการซื้อขายของ NVDR เริ่มเบาบางลง โดยฝั่งซื้อนำโดยการเร่งซื้อ PTTGC และพลิกซื้อ EA รวมถึงเร่งซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีกอย่าง BEAUTY และ BJC ส่วนฝั่งขายยังเร่งขายหุ้น BIG, CAP, อย่าง CPALL, BBL และ PTT
อันดับ 3 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 20.51% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 19.50 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 23.50 บาท (28ก.พ.61) เนื่องจากผลการดำเนินงานประจำปี 60 กำไรโตทะลัก 371% มาที่ 7.9 พันลบ.จากปีก่อน 1.68 พันลบ.
โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากรายได้จากการขายรวมจำนวน 97,324 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 27% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของปริมาณขายของถ่านหินกับการเพิ่มขึ้นของราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของปี 60 อยู่ที่ 71.10 เหรียญสหรัฐต่อตัน เปรียบเทียบกับราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของปีก่อนเท่ากับ 51.53 เหรียญสหรัฐต่อตัน นอกจากนี้บริษัทประกาศเตรียมจ่ายเงินปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 60 เป็นเงินสดในอัตรา 0.35 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 เม.ย.61 กำหนดจ่ายปันผล 30 เม.ย. 61
ล่าสุดวานนี้(6มี.ค.)ถือเป็นการปลดล็อคและปิดฉากมหากาพย์ “คดีหงสา”ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยศาลฎีกามีคำสั่งแก้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีที่นายศิวะ งานทวี ฟ้องร้องกลุ่ม บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ขณะเดียวกันศาลฎีกามีคำสั่งให้กลุ่ม BANPU ชดใช้ค่านำข้อมูลสัมปทานเหมืองถ่านหินของโรงไฟฟ้าหงสาของนายศิวะไปใช้เป็นมูลค่า 1.50 พันล้านบาท พร้อมอัตราดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องในเดือน ก.ค. 50 ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวม 2.62 พันล้านบาท ตรงนี้ก็น่าจะหนุนให้ราคาหุ้นสดใสต่อเนื่อง
อันดับ 4 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 16.76% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 185.00 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 99.25 บาท (28ก.พ.61) โดยส่วนใหญ่มาจากผลประกอบการปี 60 โตโดดเด่นและนักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมาย
โดยบริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 60 มีกำไร 3.93 หมื่นลบ. โต 53.50% จากปีก่อนมีกำไร 2.5 หมื่นลบ. เนื่องจากมีปริมาณการขายที่เพิ่มมากขึ้นจากประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น ระดับราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากการเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อสินทรัพย์กลุ่มปิโตรเคมีในปีที่ผ่านมา และผลประโยชน์จากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพทั่วองค์กร
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ ปรับราคาเป้าหมาย PTTGC เป็น 116 บาท จากเดิม 114 บาท โดย PTTGC เป็นหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่ บล.ทิสโก้ ชอบมากที่สุดจากอัตราใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น, การรับโอนธุรกิจปิโตรเคมี 6 บาทจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และส่วนต่างปิโตรเคมี (HDPE, PP) ที่คาดว่าจะแข็งแกร่งตลอดทั้งปีนี้
ส่วน บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” PTTGC ให้ราคาเป้าหมาย 111 บาท มองราคาหุ้น Laggard กลุ่ม โดยคาดว่าราคาหุ้น PTTGC ยังได้รับแรงหนุนระยะสั้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นกว่า +3.8% WoW ตามทิศทาง Supply ที่กดดันกำลังการผลิตรวม
อันดับ 5 บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 15.60% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 7.05 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 8.15 บาท (28 ก.พ.61) โดยส่วนใหญ่มาจากผลประกอบการปี 60 โตโดดเด่นและนักลงทุนเข้ามาไล่ราคาจากประเด็น PTT เข้าซื้อหุ้นเพิ่ม 9.54% จากธนาคารออมสิน
โดยผลการดำเนินงานปี 60 มีกำไร 1.14 หมื่นลบ. โต 16.81% จากปีก่อนมีกำไร 9.72 พันลบ. เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิ 197,594 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 และเป็นผลจากราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน รวมทั้งมีกำไรจากสต๊อคน้ำมันจำนวน 3,720 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้าน PTT แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯเมื่อวันที่ 20 ก..61 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯเข้าซื้อหุ้นสามัญ IRPC จากธนาคารออมสิน จำนวน 1,950,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 9.54 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ IRPC ในราคาหุ้นละ 7.10 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 13,845 ล้านบาท ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นดังกล่าวกับธนาคารออมสินเรียบร้อยแล้ว เพื่อที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะได้ดำเนินการโอนหุ้นให้เสร็จสิ้นตามสัญญาต่อไป ตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้ PTT ทุ่ม 1.38 หมื่นลบ. ซื้อหุ้น IRPC จาก “ธ.ออมสิน” รวมถือทะลุ 48% ปั้นธุรกิจปิโตรเคมีครบวงจร
ด้านหุ้นที่ปรับตัวลดลงมีทั้งหมด 20 ตัว อาทิ TOP,BCP,TMB,SCB,TCAP,CPN,KKP,BTS,GLOBAL,CPF,BEM ,SAWAD,DTAC,MINT,ROBINS,BJC,TPIPP,CENTEL,KCE และ CBG อย่างไรก็ตามหุ้นที่ปรับตัวลดลงหากมองอีกด้านหนึ่ง ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้เก็บหุ้นพื้นฐานแกร่งราคาถูก เพราะอย่าลืมว่าหุ้นดังกล่าวยังทำกำไรได้ดี และเป็นที่สนใจสำหรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน