CK อนาคตสดใส โบรกฯ มองกำไรปี 61 โตแจ่ม ลุ้นคว้างานโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว

CK อนาคตสดใส โบรกฯ มองกำไรปี 61 โตแจ่ม ลุ้นคว้างานโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว แนะ "ซื้อ" เคาะเป้า 38.50 บาท/หุ้น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ของ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK หลังมีนักวิเคราะห์ประเมินว่า ผลการดำเนินงานของ CK จะเติบโตดีในปี 2561 เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการขนาดใหญ่ พร้อมคาดการณ์อีกว่า CK มีโอกาสสูงที่จะคว้างานโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวในอนาคต

โดยราคาหุ้น CK ปิดตลาดวานนี้ (13 มี.ค.61) ที่ระดับ 23.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.42% สูงสุดที่ระดับ 23.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 23.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 138.10 ล้านบาท

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น CK ในราคาเป้าหมายที่ 38.50 บาทต่อหุ้น พร้อมคาดว่าผลประกอบการปี2561 จะเพิ่มขึ้นหลังจากไม่มีรายการหนี้เสีย และการดำเนินงานของบริษัทลูกที่ดีขึ้น โดยรายได้จากการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4/60 จากการรับรู้รายได้ของโครงการขนาดใหญ่

โดยคาดว่างานในมือปัจจุบันของ CK จะอยู่ที่ 7.2 หมื่นล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นจากการชนะงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในปี 2561 และมองว่า CK มีโอกาสสูงที่จะได้งานโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว ซึ่งจะมีขนาดใกล้เคียงกับไซยะบุรี (ราว 8-9 หมื่นล้านบาท) ในอนาคต

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำซื้อ CK ในราคาเป้าหมาย 35 บาท แม้ผลประกอบการปี 2560 จะลดลง แต่เชื่อว่าในปี 2561 กำไรปกติและรายได้ก่อสร้างยังเติบโตได้ดี อีกทั้งล่าสุดมีงานในมือ (Backlog) ราว 7.2 หมื่นล้านบาท ทิศทางการเซ็นสัญญารับงานยังเติบโตดีจากงานภาครัฐและโอกาสได้งานในภูมิภาค ขณะที่ยังรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นได้ และแนวโน้มกำไรบริษัทร่วมยังเติบโต 11% โดยคาดว่ากำไรปกติจะเติบโต 12%

อีกทั้ง ทางบริษัทยังมั่นใจว่ามูลค่างานเซ็นสัญญาใหม่ปีนี้น่าจะเพิ่มเท่าตัวจากปีก่อนที่ทำได้ 48 พันลบ. นอกจากนี้ทางบริษัทยังเผยแผนประมูลงานใหม่ปีนี้มูลค่า 856 พันลบ. ได้แก่ โครงการทางด่วน พระราม 3 ดาวคะนอง, มอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง, โครงการ EEC รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, รถไฟฟ้าสีม่วง, รถไฟรางคู่เฟส 2, โครงการสนามบินภูมิภาค (กระบี่, ขอนแก่น), โครงการรถไฟความเร็วสูงโคราช และส่วนต่อขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้กำหนดการประมูลจะหนาแน่นในช่วงครึ่งหลังปี 2561 และในเวลาเดียวกันอาจมีความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่างานที่ประมูลได้ในปี 2560 (รถไฟฟ้าสีส้ม) จะเริ่มก่อสร้างได้เต็มที่ในปีนี้ แต่การเลื่อนการประมูลงานในช่วงไตรมาส 4/60 มาในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ทำให้งานที่ประมูลได้ปีนี้น่าจะรับรู้ได้ไม่มาก ทำให้รายได้ก่อสร้างปี 61 จะทรงตัว ขณะที่ทางฝ่ายคาดว่างานเซ็นใหม่ที่เพิ่มตามแผนประมูลในปี 61 จะสร้างรายได้ปี 62 กลับมาเติบโต 8% ขณะที่ Margin ยังบริหารได้ดี ราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้นแต่ยังอยู่ในวิสัยที่คุมได้

ขณะเดียวกัน ในส่วนของเงินลงทุนบริษัทยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งหมดในปี 61 โดยที่ TTW ยังมีช่องทางการเติบโตจากปริมาณขาย คาดกำไรเติบโต 8%, BEM ยังเติบโต 13% จากการเดินรถไฟฟ้าและทางด่วน ส่วน CKP คาดกำไรดีขึ้นเพราะปริมาณปีนี้น่าจะดีขึ้นจากปีก่อนที่มีปัญหาน้ำน้อย ทางฝ่ายคาดหมายรายได้จากเงินลงทุนทั้งหมดเพิ่มขึ้น 21% ทำให้ช่วยชดเชยธุรกิจก่อสร้างได้เป็นอย่างดี

ด้านนายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการ CK เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปี 2561 ภาครัฐจะเปิดประกวดราคาโครงการ มูลค่ามากกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่ง CK จะเข้าร่วมแข่งขันเพื่อรับงาน คือ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 131,004.30 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางพิเศษ สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กม. วงเงิน 31,244 ล้านบาท

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เฟส 2 จำนวน 9 เส้นทาง วงเงินรวม 427,012.03 ล้านบาท โครงการลงทุนดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน–นครราชสีมา และสายบางใหญ่–กาญจนบุรี ซึ่งเป็นการลงทุนแบบรัฐและเอกชนร่วมลงทุน (PPP) โดยผลตอบแทนที่รัฐจะจ่ายคืนให้เอกชนนั้น ในสายบางปะอินฯ จะไม่เกิน 33,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 30 ปี ส่วนสายบางใหญ่ฯ จะไม่เกิน 28,000 ล้านบาท โดย CK และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว

ขณะเดียวกัน CK ยังให้ความสนใจเข้าลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่รัฐบาลจะผลักดันออกมาเร็วๆ นี้ ทั้งรูปแบบที่ให้เอกชนเข้าประมูล และรูปแบบ PPP ซึ่ง CK บริษัทในกลุ่ม และพันธมิตรทั้งหมดได้เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมประมูลอย่างแน่นอน โดยขณะนี้โครงการก่อสร้างในประเทศยังเป็นเป้าหมายหลักของ CK

นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในโครงการต่างประเทศที่คาดว่าจะมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ใน สปป.ลาว ซึ่งทางบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP คาดว่าจะมีความคืบหน้าช่วงกลางปี 2561 และงานก่อสร้างระบบประปาในเมียนมา ซึ่งบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ได้เจรจากับรัฐบาลเมียนมาเรียบร้อยแล้ว

สำหรับกรณีที่ CK ร่วมงานกับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรีนั้น มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทำโครงสร้างฐานราก เช่น การปรับพื้นดินและตอกเสาเข็ม การส่งมอบพื้นที่ก็ได้เกือบ 100% แล้ว ไม่มีปัญหาที่ส่งผลกระทบให้เกิดความล่าช้า

นายปลิว กล่าวเพิ่มเติมว่า CK ไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่รัฐบาลประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากได้เจรจากับผู้รับเหมาช่วงเรียบร้อยแล้ว ขณะที่งานใหม่ที่จะเข้าร่วมประมูลก็ได้คำนวณราคาต้นทุนใหม่ก่อนเสนอทุกโครงการ

Back to top button