CHAYO ขึ้นสังเวียนเทรดวันแรก ลุ้นราคาวิ่งแตะ 4 บ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (22 มี.ค. 61) บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ) ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และจำนวนหุ้นชำระแล้ว 560 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 280 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 140 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 2.88 บาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ บล.เออีซี เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

โดย นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHAYO เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าหุ้น CHAYO จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ทำให้สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2.88 บาท/หุ้นได้ โดยการเข้ามาระดมทุนใน mai ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจจากการมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อนำไปใช้ประมูลซื้อกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งประเภทที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันประมาณ 248-306 ล้านบาท

รวมถึงนำไปจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินประมาณ 57-96 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานประมาณ 19 – 38 ล้านบาท ซึ่งระยะเวลาในการใช้เงินอยู่ภายในปี 2561

“คาดว่าหุ้น CHAYO ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน และสามารถยืนเหนือราคาจองได้ แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นในช่วงนี้จะค่อนข้างผันผวน แต่เราเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัทฯ ทั้งจากผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องแล้ว

ทั้งนี้ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจให้บริการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้มากว่า 20 ปี โดยบริษัทดำเนินงานอย่างมืออาชีพ มีมาตรฐาน ทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และสามารถรักษาชื่อเสียงของผู้ว่าจ้างได้เป็นอย่างดี”นายสุขสันต์ กล่าว

โดยปัจจุบันบริษัทฯ สามารถจัดเก็บหนี้ได้ตามเป้าหมายหรืออยู่ในระดับที่ผู้ว่าจ้างพึงพอใจ ส่งผลให้ได้รับมอบหมายงานจากผู้ว่าจ้างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามคาดว่าปี 2561 เป็นปีที่บริษัทฯเติบโตโดดเด่น โดยตั้งเป้างบลงทุนที่จะใช้ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มมากขึ้นกว่า 100% รวมทั้งการขยายธุรกิจเจรจา ติดตามและทวงถามหนี้ ธุรกิจศูนย์ข้อมูลลูกค้า (Call Center) ตามความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญในปีนี้

สำหรับการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai นับเป็นโอกาสที่บริษัทฯ จะสามารถปลดล็อคข้อจำกัดเรื่องเงินลงทุนรวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการกู้เงิน ที่จะนำไปใช้ในการประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร

ทั้งนี้ในปี 2561 บริษัทฯ มีแผนการลงทุนซื้อสินทรัพย์ด้อยภาพทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันในจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งในปี 2561 บริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ส่วนใหญ่มาใช้ในการประมูลกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ  รวมทั้งการขยายธุรกิจเจรจา ติดตามและทวงถามหนี้ และธุรกิจศูนย์ข้อมูลลูกค้า (Call Center) ที่เติบโตขึ้น ตามความต้องการของลูกค้า

ขณะเดียวกัน นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ของ CHAYO เปิดเผยว่า หุ้น CHAYO ได้รับความสนใจจองซื้อหุ้นอย่างมากจากการเปิดจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 7-9 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา

โดยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 140  ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้ว ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.88 บาท ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากหลากหลายกลุ่มนักลงทุน โดยปัจจัยหลักมาจากพื้นฐานของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งความสามารถทำกำไรสูง ประกอบกับประเภทธุรกิจนี้ในอนาคตมีการเติบโตอีกมาก

“มั่นใจว่า CHAYO  เข้าซื้อขายวันแรกราคาจะอยู่เหนือราคาจองที่ 2.88 บาท/หุ้นได้ เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการและปัจจัยของบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตสูงและหลังได้เงิน IPO จะทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างโดดเด่นและต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ค่อนข้างผันผวน  แต่จากจุดแข็งทางธุรกิจหลายประการ เช่น ศักยภาพของบริษัทฯ ในฐานะที่เป็นผู้บริหารมีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 20 ปี  บริษัทฯ สามารถจัดเก็บหนี้ได้ตามเป้าหมายหรืออยู่ในระดับที่ผู้ว่าจ้างพึงพอใจ ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับมอบหมายงานจากผู้ว่าจ้างอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโอกาสเติบโตในอนาคต จึงทำให้เชื่อมั่นว่า CHAYO จะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุน”นายชนะชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น CHAYO เข้าซื้อขายในวันแรก (22 มี.ค.) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นถึง 4 บาท จากราคา IPO ที่ 2.88 บาท โดยมองว่าจากศักยภาพของบริษัทด้วยเป็นประสบการณ์ในธุรกิจให้บริการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้อย่างยาวนานกว่า 20 ปี ส่งผลให้บริษัทเป็นที่ยอมรับและได้รับมีความน่าเชื่อถือจากลูกค้า ทำให้คาดว่าธุรกิจในอนาคตมีแนวโน้มเติบโตค่อนข้างสูง