ดักเก็บ JWD ช่วงขาลง โบรกฯมองธุรกิจเริ่มฟื้น แถมอัพกำไรใหม่ 270 ลบ.
ดักเก็บ JWD ช่วงขาลง โบรกฯ มองธุรกิจเริ่มฟื้นตามภาวะเศรษฐกิจไทย พร้อมปรับประมาณการกำไรใหม่ 270 ลบ. เติบโต 34.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD หลังมีนักวิเคราะห์หลายแห่งกำหนดคำแนะนำซื้อ เนื่องจากประเมินว่า ธุรกิจของ JWD มีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่นจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงมองว่า JWD จะมีรายได้เข้ามาในส่วนของธุรกิจห้องเย็นที่ประเทศอินโดนีเซีย และการควบรวมกิจการ (M&A) ในอนาคต
ขณะที่ราคาหุ้น JWD ปิดตลาดวานนี้ (29 มี.ค. 61) ที่ระดับ บาท อยู่ที่ระดับ 9.45 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง สูงสุดที่ระดับ 9.55 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 9.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 13.82 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 นับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 9.90 บาท เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 61
โดยก่อนหน้านี้ นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 1/2561 จะได้รับผลดีจากธุรกิจห้องเย็นที่มีลูกค้าต้องการเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากห้องเย็นที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร มีอัตราการใช้พื้นที่เกือบเต็มความจุในปัจจุบัน
ส่วนห้องเย็นเฟสใหม่ที่สุวินทวงศ์ที่เปิดให้บริการปลายปี 2560 มีอัตราการใช้พื้นที่แล้วประมาณ 50% จากพื้นที่รวม 2,800 ตารางเมตร ขณะที่ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์จะได้รับผลดีจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นหลังจากอุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มฟื้นตัวในปี 2561
ด้านนักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น JWD ในราคาเป้าหมาย 13.80 บาท โดยมองว่า การที่ JWD จัดตั้งบริษัท โกลบอล ฟู้ดเซอร์วิส เน็ตเวิร์ก จำกัด (ถือหุ้น 99.99%) เพื่อลงทุนจำนวน 60% ในบริษัท Chi Shan Long Feng Food Co.,Ltd. ในประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจบริการด้านอาหาร (Food service) โดยใช้เงินลงทุน 161.8 ลบ.
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายธุรกิจของกลุ่มไปในธุรกิจบริการด้านอาหาร ซึ่งสามารถต่อยอดให้กับธุรกิจห้องเย็นของบริษัทได้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยบวก เนื่องจากถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณ 3.0 พันลบ.ในปีนี้ นอกจากกำไรส่วนเพิ่มที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนนี้ การลงทุนดังกล่าวยังจะช่วยสนับสนุนธุรกิจห้องเย็น คลังสินค้าและการขนส่งในประเทศที่ JWD มีฐานธุรกิจอยู่ รวมถึง JWD อาจขยายธุรกิจดังกล่าวจากประเทศไต้หวันมาในประเทศไทยด้วย
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JWD ในราคาเป้าหมาย 15.50 บาท เนื่องจากผลประกอบการปี 2560 ที่ฟื้นตัวตามคาด และธุรกิจที่ฟื้นตัว โดยคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นจากการ M&A ธุรกิจห้องเย็นที่อินโดนีเซีย และการซื้อกิจการของ OAI, และโอกาสในการทำ M&A อื่นๆ โดยทางฝ่ายปรับประมาณการปี 2561-2562 ลง สะท้อนมุมมองในเชิงรับที่เพิ่มขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JWD ในราคาเป้าหมายที่ 14 บาท โดยมองว่าในปี 2561 จะเป็นอีกปีที่ดีของ JWD จากคลังสินค้าเดิมที่คาดจะมีอัตราใช้พื้นที่สูงขึ้น ตามภาวะส่งออกไทยที่สดใสและเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว บวกกับคลังสินค้าใหม่อย่าง JCS มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจนใกล้เต็มพื้นพื้นที่ และคลังรวมตู้ LCL มีพัฒนาการดีขึ้นพร้อมเริ่มรับรู้รายได้ธุรกิจใหม่ทั้งจากบริษัทย่อย OAI (ให้บริการ Freight Forwarder) และ บ.ร่วม PT Samudera JWD (JWD ถือหุ้น 49%, ให้บริการห้องเย็นในอินโดนีเซีย) เข้ามาเต็มปีครั้งแรก
นอกจากนี้บริษัทเตรียมแผนขยายธุรกิจเชิงรุกร่วมกับพันธมิตร (ทั้ง M&A และ JV) เพื่อสร้างเครือข่ายบริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่เชื่อมโยงและครอบคลุมพื้นที่ 9 ประเทศในอาเซียน (ปัจจุบันมีเครือข่ายแล้ว 5 ประเทศ) ซึ่งแหล่งเงินทุนหลักจะมาจากเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ให้กับกอง AIMREIT จำนวน 1,541 ล้านบาท, เงินสดจากการดำเนินงานปีละราว 600 ล้านบาท และวงเงินหุ้นกู้ที่ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น 3,000 ล้านบาท
ทำให้คาดว่าจะเพียงพอต่อแผนลงทุนดังกล่าวโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ดังนั้นเพื่อสะท้อนถึงปัจจัยบวกดังกล่าวเราจึงปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรปกติตั้งแต่ปี 2561 ขึ้น เฉลี่ยปีละ 5.4% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2561 JWD จะมีกำไรสุทธิ 270 ล้านบาท โต 34.4%YoY