BGRIM น่าเก็บ! ลุ้นกำไร Q1/61 โตเป็นประวัติการณ์ โบรกฯเชียร์ซื้อเคาะเป้า 32 บ.

BGRIM น่าเก็บ! โบรกฯชี้กำไร Q1/61 โตเป็นประวัติการณ์ หลังเริ่มบุ๊ครายได้ขายไฟฟ้า ABPR3 กำลังการผลิต 133MW เป็นไตรมาสแรก พร้อมแนะซื้อเคาะราคาเป้า 32 บ.


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM หลังเริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/61 โดยนักวิเคราะห์มีการประเมินว่า BGRIM จะรายงานผลการดำเนินงานออกมามีกำไรเติบโตอย่างโดดเด่น รวมถึงให้ราคาเป้าหมายที่ระดับ 32 บาท

โดยราคาหุ้น BGRIM ปิดตลาดวานนี้ (26 เม.ย. 61) ที่ระดับ 27.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง สูงสุดที่ระดับ 27.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 27 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 126.60 ล้านบาท

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 1/61 ของ BGRIM จะอยู่ที่ระดับ 520 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 55.7% และเพิ่มขึ้น 23.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่บริษัทได้มีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้า ABPR3 จำนวน 133MW ซึ่ง BGRIM ถือหุ้น 55% โดยเป็นการขายไฟให้กฟผ.ตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. ที่ผ่านมา

โดยคาดรายได้รวมเพิ่มจะเพิ่มขึ้น 5.4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน กอปรกับค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงกว่าไตรมาสก่อนตามฤดูกาล และค่าใช้จ่ายทางการเงินบันทึกลดลงจากไตรมาสก่อนที่สูงพิเศษ รวมกับ Unrealized FX Gain ทางบัญชีประมาณ 275 ล้านบาท จากค่าเงินบาทแข็งขึ้นอีกจะเป็นกำไรสุทธิ 790 ล้านบาท เพิ่ม 72.6% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 16.4% เทียบกับปีก่อน

ขณะที่ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ประเมินกำไรสุทธิของ BGRIM ในงวดไตรมาส 1/61 จะสูงเป็นเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 60.5% จากไตรมาสก่อน โดยมีแรงหนุนจากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าใหม่ในเดือนก.พ. ที่มีกำลังการผลิตแท้จริงที่ 76 เมกะวัตต์ (MW) หรือคิดเป็น 8% ต่อกำลังการผลิตเดิมของบริษัท

โดยปัจจุบัน BGRIM มีมูลค่าการซื้อขายที่ PER เดียวกับ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แต่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) สำหรับกำไรปี 2561-63 ที่ 22% เทียบกับ GPSC ที่ 16%

ด้านนางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตรวมไม่ต่ำกว่า 200 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2/61 และจะเริ่มก่อสร้างในเดือน มิ.ย.61

สำหรับการลงทุนในโครงการดังกล่าว บริษัทมีนโยบายที่จะถือหุ้นใหญ่เช่นเดียวกับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ขนาดกำลังผลิต 420 เมกะวัตต์ที่ BGRIM ถือหุ้นสัดส่วน 55% อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการนิคมอุตสาหกรรมในประเทศกัมพูชา คาดว่าน่าจะสรุปการเจรจาภายในปีนี้ เนื่องจากมองว่าโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมีความต้องการใช้ไฟฟ้ามาก

นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาการลงทุนในประเทศอื่นๆ ทั้ง ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ที่เป็นโครงการใหม่ นอกเหนือจากโครงการโรงไฟฟ้าที่บริษัทได้เซ็นสัญญาไว้แล้ว โดยในช่วง 5 ปีนี้ (61-65) บริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 2,518 เมกะวัตต์ ไม่นับรวมโครงการในเวียดนาม โดยเติบโต 42% จากปี 60 ที่มีกำลังการผลิต 1,646 เมกะวัตต์

โดยปีนี้บริษัทมีเป้าหมายจะรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 10% และอัตรากำไร EBITDA ที่ระดับ 27% จากปีก่อนอยู่ที่ 9.3% และ 27.7% ตามลำดับ ขณะที่รายได้คาดว่าจะเติบโตที่ 15-20% และในปี 62 คาดว่ารายได้จะเติบโตก้าวกระโดด หลังจากโรงไฟฟ้า SPP ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ 3 โครงการ ขนาดโครงการละ 133 เมกะวัตต์จะเริ่มจ่ายไฟฟ้า (COD) ในปีนี้ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำน้ำแจงในลาวกำลังผลิต 15 เมกะวัตต์ด้วย

“ในประเทศ ไม่ใช่ว่าเราไม่มีโอกาส เรามี SPO เราขายตรงนิคมฯ ไม่ว่าจะอย่างไรไฟฟ้ามีความจำเป็นต่ออุตสาหกรรมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้หุ่นยนต์ต้องมีไฟฟ้าเสถียรภาพ แผน PDP ฉบับใหม่จะพูดถึงการใช้ไฟฟ้าเป็นโซนๆ เรามี Exclusive Right ในพื้นที่ EEC เรามั่นใจอนาคตแนวโน้มเราเติบโตไม่ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่ง Businessต่อไป ไม่มี Limit การเติบโต” นางปรียนาถ กล่าว

Back to top button